เครื่องหมายการค้าเบื้องต้น

การจดเครื่องหมายการค้าเบื้องต้น

สารบัญเครื่องหมายการค้า

สารบัญเครื่องหมายการค้า

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนแล้ว สามารถคุ้มครองชื่อ ตรา สัญลักษณ์ โลโก้ รูปภาพ รูปถ่าย และแบบต่างๆ และช่วยให้เจ้าของเครื่องหมายสามารถสร้างความโดดเด่นและแตกต่างให้กับสินค้าหรือบริการของตน เครื่องหมายช่วยให้กลุ่มลูกค้าเข้าใจได้ถูกต้องว่าสินค้าหรือบริการนั้นมาจากแหล่งไหน มีคุณภาพและเชื่อถือได้หรือไม่ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้จัดการผลิตภัณฑ์ เจ้าของธุรกิจ นักออกแบบกราฟฟิก ฝ่ายขายหรือฝ่ายการตลาด การปกป้องเครื่องหมายสามารถทำให้คุณดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นใจและสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างเครื่องหมาย เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายร่วม เครื่องหมายรับรอง

“เครื่องหมาย” สามารถอยู่ในรูปแบบของคำ แบบ 2-D และ 3-D คำสโลแกน เสียง หรือสัญลักษณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง  เครื่องหมายแบ่งกลุ่มได้เป็น 4 ลักษณะ

  1. เครื่องหมายการค้า (Trade Mark) เป็นเครื่องหมายที่บ่งชี้ถึงผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น NIKE RED BULL หรือ Coca-Cola
  2. เครื่องหมายการบริการ (Service Mark) เป็นเครื่องหมายที่บ่งชี้ถึงธุรกิจบริการ ตัวอย่างเช่น FedEx Hilton และ Kasikorn Bank
  3. เครื่องหมายรับรอง (Certification Mark) เป็นเครื่องหมายที่ได้รับการตรารับรองว่ามีลักษณะจำเพาะที่เข้าเกณฑ์มาตรฐาน ตัวอย่างเช่น ตรามาตรฐานของ Halal ISO หรือ FDA เป็นต้น
  4. เครื่องหมายร่วม (Collective Mark) เป็นเครื่องหมายที่นำมาใช้เพื่อบ่งบอกการรวมกลุ่มกันของธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น Siam Cement Group (SCG) หรือ กลุ่ม Charoen Pokphand (CP)
เครื่องหมายเป็นทรัพย์สินทางปัญญาชนิดหนึ่งที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงมาก เนื่องจากแบรนด์ดังอาจมีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลล่า ถึงแม้เมื่อเทียบกับสินค้าที่ไม่มีแบรนด์ (no-brand) แล้วอาจจะไม่ได้มีอะไรที่พิเศษกว่าหรือประกอบด้วยวัตถุดิบหรือสิ่งที่มีมูลค่าที่สูงกว่าแต่อย่างใดเลย

เครื่องหมายที่สามารถยื่นจดได้นั้นต้องมีลักษณะอย่างไร?

ก่อนการยื่นจดเครื่องหมายการค้า คุณต้องทำการสืบค้นให้แน่ใจก่อนว่าเครื่องหมายของคุณนั้นไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายที่ได้รับการจดทะเบียนแล้ว นอกเหนือจากนี้ เครื่องหมายที่สามารถยื่นจดทะเบียนได้นั้นต้องมีลักษณะดังนี้

  • มีความบ่งเฉพาะสูง โดดเด่นและแปลกตาเพียงพอที่จะทำให้ลูกค้าสามารถแยกแยะว่าเป็นสินค้าจากผู้ผลิตรายใดรายหนึ่ง ความบ่งเฉพาะเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างเครื่องหมายที่โดดเด่น บ่อยครั้งก็จะประกอบด้วยคำประดิษฐ์ ซึ่งเป็นคำที่ไม่มีความหมายและมีเสียงที่ไม่เหมือนใคร ตัวอย่างเช่น โพลารอยด์ กูเกิ้ล หรือเอ๊กซอน เครื่องหมายที่บ่งชี้ถึงคุณลักษณะหรือบรรยายถึงตัวสินค้าหรือบริการโดยตรงจะไม่เหมาะสมสำหรับการยื่นจดเครื่องหมายการค้า ชื่อบุคคลหรือชื่อสกุลที่มีความบ่งเฉพาะสูง เป็นชื่อหายาก ก็สามารถนำมายื่นจดทะเบียนการค้าได้ ตัวอย่างเช่น Pierre Cardin
  • เป็นเครื่องหมายที่ถูกใช้เป็นเวลายาวนานและได้รับการยอมรับจากผู้ใช้โดยทั่วไป (Secondary Meaning Rule) หากเป็นเครื่องหมายที่ถูกนำมาใช้ในการให้บริการหรือขายสินค้ามาเป็นเวลายาวนาน ผู้ยื่นจดทะเบียนจำเป็นต้องแนบหลักฐานการใช้เครื่องหมายดังกล่าวในการทำการตลาด เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าเครื่องหมายนี้ได้รับการยอมรับในกลุ่มลูกค้าแล้ว
  • ต้องไม่มีลักษณะที่ต้องห้าม ตามมาตรา 8 แห่งกฏหมายเครื่องหมายการค้าไทย เครื่องหมายราชการ หรือลายธงชาติหรือสัญญลักษณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับศาสนาไม่สามารถนำมายื่นจดขึ้นทะเบียนการค้าได้

อายุความคุ้มครองของเครื่องหมายการค้า

การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ามีอายุความคุ้มครอง 10 ปี นับแต่วันที่ยื่นคำขอจดทะเบียน และ สามารถขอต่ออายุการคุ้มครองได้ทุกๆ 10 ปี โดยต้องยื่นคำขอต่ออายุภายใน 3 เดือน ก่อนวันสิ้นอายุ หรือภายใน 6 เดือน นับแต่วันสิ้นอายุการจดทะเบียน

สิทธิประโยชน์ของการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

  • ได้รับการคุ้มครองสิทธิในเครื่องหมายทั่วประเทศ
  • เป็นการประกาศโฆษณาว่าเครื่องหมายการค้าดังกล่าวไม่สามารถนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ
  • ใช้เครื่องหมาย (R) เพื่อบ่งบอกว่าเครื่องหมายนี้ได้รับการจดทะเบียนตามกฏหมายแล้ว
  • ได้รับการคุ้มครองถึง 10 ปี ซึ่งสามารถต่ออายุทุกๆ 10 ปี โดยการยื่นคำรองต่ออายุภายใน 90 วันก่อนวันหมดอายุ
  • ปกป้องสิทธิในการทำตลาดด้วยเครื่องหมาย
  • เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการใช้เครื่องหมาย โดยการให้เช่าสิทธิ์หรือการสร้างแฟรนไชส์

จดโลโก้ จดแบรนด์สินค้า คืออะไร?

การจดโลโก้ Logo หรือจดแบรนด์เป็นคำที่เราอาจได้ยินบ่อยจนคุ้นหู แต่ถ้าเรียกให้ถูกต้องตามความคุ้มครอง การจดโลโก้ ก็คือ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า นั่นเอง  

ขั้นตอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย
(ด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ )

จดเครื่องหมายการค้า ด้วยตัวเองแบบง่าย

การจดเครื่องหมายการค้าในปัจจุบันมีขั้นตอนในการดำเนินการไม่ยากมากนัก หากเราเข้าใจขั้นตอน หรือเตรียมความพร้อมได้อย่างครบถ้วนแล้วละก็ การจดเครื่องหมายการค้าก็เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ใครก็สามารถทำได้

1. ตรวจสอบเครื่องหมายการค้า เบื้องต้น

เตรียมรูปเครื่องหมายการค้า หรือโลโก้ ที่ต้องการจะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้พร้อม จากนั้นตรวจสอบความเหมือนคล้ายของเครื่องหมายการค้า ว่ามีความเหมือนหรือคล้ายกับของผู้อื่นหรือไม่ รวมถึงเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมทรัพย์สินทางปัญญาหรือไม่ 
2. เตรียมเอกสารสำหรับจดทะเบียน
เตรียมเอกสารคำขอจดทะเบียนให้พร้อม ดังนี้

  1. คำขอจดทะเบียน (แบบ ก. 01) ดาวน์โหลดฟอร์ม ก.01 กรอกเอกสารให้ครบถ้วน พร้อมรูปเครื่องหมายไม่เกิน 5x5cm.
  2. รูปเครื่องหมายการค้า ที่เหมือนกับรูปที่ติดในคำขอจดทะเบียน จำนวน 5 รูป
  3. เอกสารประกอบอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับผู้ยื่นจดว่าจดในนามนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา ดังนี้

3. ยื่นคำขอจดทะเบียน
หากดำเนินเตรียมเอกสารครบถ้วนแล้ว สามารถดำเนินการได้ที่ชั้น 3 กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หรือทางเว็บไซต์กรมทรัพย์สินทาง ระบบ e-filling

4. ชำระค่าธรรมเนียม
สำหรับค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการค้าจะขึ้นอยู่กับจำนวนรายการสินค้าและบริการที่เราต้องจดทะเบียน ซึ่งจะแบ่งการชำระค่าธรรมเนียมเป็น 2 ช่วงคือชำระตอนยื่นจด และ ชำระอีกครั้งหลังจากได้แจ้งผลการจดทะเบียนแล้ว

5. รอรับหนังสือสำคัญ
หลังจากยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบและพิจารณา หากเครื่องหมายการค้าของท่านได้รับการจดทะเบียน นายทะเบียนจะมีหนังสือแจ้งผลไปยังผู้จดทะเบียน 

เงื่อนไขการได้รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

1. เป็นเครื่องหมายที่มีลักษณะบ่งเฉพาะมุ่งหมายที่จะแสดงถึงความแตกต่างระหว่างสินค้า/บริการที่ใช้เครื่องหมายนี้กับสินค้า/บริการของบุคคลอื่น ไม่ใช่เครื่องหมายที่บ่งบอกถึงลักษณะ หรือ คุณสมบัติของสินค้าหรือบริการนั้นๆ โดยตรง
2. เป็นเครื่องหมายที่ไม่ต้องห้ามรับจดทะเบียนตามกฎหมาย เช่นไม่เป็นตราราชวงศ์ ตราแผ่นดิน เครื่องหมายที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลาย ฯลฯ
3. ไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้รับจดทะเบียนไว้ก่อนแล้ว
 

ขั้นตอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย กับ IDG

ขั้นตอนการจดเครื่องหมายการค้า
เพื่อประหยัดเวลา หรืออำนวยความสะดวกสบายแก่ลูกค้า ทาง IDG เรามีบริการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าโดยผู้เชี่ยวชาญ ที่พร้อมแนะนำการยื่นจดทะเบียนได้อย่างครบถ้วน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น 
 
IDGTHAILAND มีบริการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ซึ่งมีขั้นตอนและกระบวนการ ดังนี้
การสืบค้นความเหมือนคล้าย
การยื่นคำขอจดทะเบียน
การติดตามและรายงานสถานะ
การรับจดทะเบียน
1. การสืบค้นความเหมือนคล้าย
ทีมงาน IDGTHAILAND จะทำการสืบค้นความเหมือนคล้ายของเครื่องหมายของท่านว่าเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายที่ผู้อื่นยื่นจดไว้ก่อนหรือไม่ หรือมีลักษณะขัดต่อกฎหมายหรือไม่
2. การยื่นคำขอจดทะเบียน
เมื่อได้รับการยืนยันแบบเครื่องหมายการค้า พร้อมจำพวกและรายการสินค้าแล้ว ทางทีมงาน IDGTHAILAND  จะดำเนินการยื่นคำขอจดทะเบียนต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาต่อไป
3. การติดตามและรายงานสถานะ
หลังจากยื่นคำขอจดทะเบียนแล้ว ทางทีมงาน IDGTHAILAND จะรายงานสถานะของเครื่องหมายการค้าให้ทราบทุก ๆ 6 เดือน จนกว่าจะได้รับการจดทะเบียนหรือได้รับคำสั่งใด ๆ จากนายทะเบียน
4. การรับจดทะเบียน
เมื่อนายทะเบียนมีคำสั่งว่าเครื่องหมายการค้าของท่านสามารถจดทะเบียนได้ ทีมงาน IDGTHAILAND จะแจ้งให้ท่านทราบเพื่อดำเนินการจดทะเบียนต่อไป

เอกสารประกอบการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

เอกสารจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
  • จดทะเบียนในนามบุคคลธรรมดา
    • สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของเครื่องหมายการค้า
    • หนังสือมอบอำนาจ ก.18 เพื่อมอบอำนาจให้ IDG เป็นตัวแทนเครื่องหมายการค้า
    • ชื่อเครื่องหมายการค้า หรือไฟล์ภาพเครื่องหมายการค้า
    • รายการสินค้า/บริการที่ต้องการจดทะเบียน
  • จดทะเบียนในนามนิติบุคคล
    • สำเนาหนังสือรับรองบริษัท/ห้างหุ้นส่วน (ไม่เกิน 6เดือน)
    • หนังสือมอบอำนาจ ก.18 เพื่อมอบอำนาจให้ IDG เป็นตัวแทนเครื่องหมายการค้า
    • ชื่อเครื่องหมายการค้า หรือไฟล์ภาพเครื่องหมายการค้า
    • รายการสินค้า/บริการที่ต้องการจดทะเบียน

เครื่องหมายการค้า จดที่ประเทศไหน คุ้มครองเฉพาะประเทศนั้น​

การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศ
จดอย่างไรให้ครอบคลุม

เครื่องหมายการค้าต่างประเทศ

การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเป็นสิ่งที่แบรนด์ต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่ภายในประเทศเท่านั้น แต่การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่บริษัทควรให้ความสนใจด้วยเช่นกัน

         ซึ่งในปัจจุบันนี้ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศ ถูกแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบใหญ่ ๆ และมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ดังต่อไปนี้:

1. National Route
เป็นการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าโดยตรง ไปยังสำนักเครื่องหมายการค้าในประเทศที่ต้องการจะขอรับความคุ้มครอง ซึ่งเรียกกันสั้น ๆ ว่า เป็นการยื่นตรง และจะต้องมีการตั้งตัวแทนในประเทศดังกล่าว เพื่อดำเนินการยื่นคำขอจดทะเบียน

2. Regional Route
เป็นการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ไปยังกลุ่มประเทศที่รวมตัวกัน เพื่อให้ความคุ้มครองในทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกัน ได้แก่ EUIPO OAPI และ Benelux เป็นต้น

3. Madrid System
เป็นการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ตามแบบฟอร์มที่กำหนด ไปยังกรมทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทย > และ
ทางกรมฯ เอง จะนำส่งคำขอไปที่สำนักเครื่องหมายการค้า องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) > หลังจากนั้น ทาง WIPO จะยื่นคำขอไปยังสำนักเครื่องหมายการค้าของประเทศปลายทาง ที่ผู้ขอต้องการจะขอรับความคุ้มครอง
ซึ่งเรียกกันโดยง่ายว่าเป็นการยื่นมาดริด