
ภายใต้สภาพการทำธุรกิจที่มีลักษณะแข่งขันสูงเป็นอย่างมากในปัจจุบันนอกเหนือไปจากการที่ผู้ประกอบการจะต้องพัฒนาสินค้าหรือบริการให้เหนือกว่าคู่แข่ง รวมถึงการตั้งราคาเพื่อให้ดึงดูดผู้บริโภคแล้ว อีกประการหนึ่งที่สำคัญต่อการสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งอื่น ๆ นั่นก็คือ การที่เราเป็นเจ้าของข้อมูลสำคัญที่จะช่วยในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลที่สร้างความได้เปรียบในเชิงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น สูตรอาหาร สูตรการคำนวณค่าทางวิศวกรรม วิธีการในการผลิตต่าง ๆ หรืออาจเป็นข้อมูลที่สร้างความได้เปรียบในเชิงการตลาด เช่น รายการต้นทุน รายชื่อลูกค้า ยอดการสั่งซื้อ เป็นต้น
เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ ซึ่งหากมีการรั่วไหลแล้วนั้นอาจส่งผลเสียหายต่อธุรกิจได้ ผู้ประกอบการจำนวนมากจึงเลือกที่จะไม่ยื่นขอรับความคุ้มครองเป็นสิทธิบัตร เนื่องจากไม่ต้องการให้ข้อมูลเหล่านี้ถูกประกาศโฆษณาสู่สาธารณะบนฐานข้อมูลสิทธิบัตร รวมถึงการที่ข้อมูลหลาย ๆ อย่าง ก็อาจไม่เข้าเงื่อนไขในการยื่นขอรับความคุ้มครองเป็นการประดิษฐ์ใหม่ได้ (เช่น รายชื่อลูกค้า หรือยอดการสั่งซื้อ) เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการจำนวนมากจึงเลือกที่จะถือครองข้อมูลเหล่านี้ในลักษณะของ “ความลับทางการค้า” หรือว่า “Trade Secret” ซึ่งจัดว่าเป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่ได้รับการคุ้มครองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยหากเราสามารถบริหารจัดการความลับทางการค้าของเราอย่างถูกต้องตามเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว เจ้าของความลับสามารถดำเนินคดีต่อผู้ละเมิดได้เหมือนกับทรัพย์สินทางปัญญาประเภทอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า หรือว่าลิขสิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้น ความลับทางการค้ายังสามารถโอน หรืออนุญาตให้ใช้สิทธิได้เช่นเดียวกัน
ลักษณะความคุ้มครองของความลับทางการค้า
พระราชบัญญัติความลับทางการค้าของประเทศไทย พ.ศ. 2545 ได้กำหนดลักษณะพิเศษที่ข้อมูลการค้าที่จะสามารถเข้าเงื่อนไขในการคุ้มครองในลักษณะของความลับทางค้าได้ จะต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
1.เป็นความลับที่บุคคลทั่วไปหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่สามารถเข้าถึงได้
ข้อมูลสำคัญที่จะสามารถเป็นความลับทางการค้าได้นั้น จะต้องมีการกำหนดผู้เข้าถึงที่สามารถรับรู้ถึงข้อมูลดังกล่าวไว้เฉพาะมาก เช่น สามารถรับรู้ได้เฉพาะผู้คิดค้น เจ้าของกิจการและครอบครัว หรือบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น โดยจะไม่สามารถเปิดเผยแก่พนักงานโดยทั่วไปได้ ยกตัวอย่างเช่น บริษัท M เป็นร้านขายสุกี้เจ้าดังที่มีสาขาอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศไทย โดยที่น้ำจิ้มของทางร้านนั้น มีผู้สามารถเข้าถึงสูตรได้มีเจ้าของกิจการและทายาทโดยตรงเท่านั้น พนักงานอื่น ๆ ของบริษัทไม่สามารถเข้าถึงเข้าถึงข้อมูลในส่วนดังกล่าวได้ จึงเข้าเงื่อนไขในการเป็นความลับทางการค้า ในทางกลับกัน ข้อมูลยอดขายของแต่ละสาขา ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ข้อมูลที่มีการเผยแพร่สู่สาธารณะโดยทั่วไป แต่ก็เป็นข้อมูลที่พนักงานฝ่ายการเงินของบริษัททราบกันโดยทั่วไปอยู่แล้ว ในกรณีนี้ จึงไม่ถือว่าเป็นข้อมูลที่ลับเพียงพอสำหรับการเป็นความลับทางการค้าในเชิงทรัพย์สินทางปัญญาได้ เว้นแต่จะต้องทำการกำหนดชั้นความลับของข้อมูลดังกล่าวให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น กำหนดให้รับรู้ได้เฉพาะระดับผู้จัดการฝ่ายหรือผู้อำนวยการฝ่ายขึ้นไป เป็นต้น
2.เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์เชิงพานิชย์
ในการที่จะเป็นความลับทางการค้าได้ ข้อมูลดังกล่าวจะต้องสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ด้วย เช่น นำไปผลิต ปรับปรุง หรือนำไปใช้ประโยชน์กับกระบวนการผลิต การจำหน่ายสินค้าหรือการให้บริการ หรือการประกอบธุรกิจได้ ตัวอย่างเช่น นางสาวเอ ได้รับสูตรขนมเค้กที่สืบทอดกันมาภายในครอบครัว ซึ่งโดยปกติแล้วสมาชิกในครอบครัวจะอบขนมเค้กดังกล่าวในโอกาสสำคัญและรับประทานกันภายในครอบครัวมาโดยตลอด ในกรณีนี้ ข้อมูลดังกล่าวจะยังไม่ถือว่าเป็นความลับทางการค้า เว้นแต่ว่าวันหนึ่งนางสาวเอตัดสินใจเปิดร้านอาหารขึ้นมา โดยการรับอบขนมเฉพาะเมื่อได้รับคำสั่งซื้อ (Pre-order) และจัดส่งให้ผู้สั่งผ่านแอพพลิเคชั่น หากมีการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์เช่นนี้แล้ว สูตรขนมเค้กดังกล่าวจึงจะสามารถเป็นความลับทางการค้าได้
3.มีมาตรการที่เหมาะสมในการเก็บข้อมูลนั้นไว้เป็นความลับ
เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวนั้นเป็นความลับ ดังนั้น กฎหมายจึงกำหนดไว้ว่าข้อมูลที่จะได้รับความคุ้มครองเป็นความลับทางการค้าได้นั้น หากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น เจ้าของข้อมูลจะต้องพิสูจน์หรือแสดงหลักฐานให้ศาลเห็นได้ว่า ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่แล้วเพื่อปกปิดข้อมูลดังกล่าวให้เป็นความลับ เช่น มีการเก็บไว้ในสถานที่เฉพาะและมีการปิดกั้นไม่ให้บุคคลอื่นสามารถเข้าถึงได้ เช่น ตู้นิรภัย หรือมีการเข้ารหัสข้อมูลคอมพิวเตอร์ รวมถึงมีการกำหนดชั้นความลับอย่างชัดเจนว่าพนักงานคนไหน หรือพนักงานระดับใดสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้บ้าง และมีการบันทึกไว้อย่างละเอียดทุกครั้งที่มีผู้เข้าถึงข้อมูล ทั้งนี้ ข้อควรระวังของการเก็บรักษาความลับทางการค้าคือ สัญญาปกปิดความลับของข้อมูล หรือ NDA ที่มีบริษัทลงนามร่วมกับพนักงานนั้น คำพิพากษาศาลฎีกา เลขที่ 10217/2553 วินิจฉัยว่าการทำสัญญาปกปิดความลับของข้อมูลระหว่างบริษัทและพนักงานนั้น ไม่ได้เป็นมาตรการเก็บรักษาความลับที่มากเพียงพอสำหรับความลับทางการค้า ดังนั้น สำหรับผู้ที่ต้องการดำเนินการปกป้องข้อมูลของตนเองให้เป็นความลับทางการค้านั้น จะต้องมีวิธีการในการรักษาความลับที่ค่อนข้างรัดกุม
ผู้ที่เป็นเจ้าของความลับทางการค้านั้น มีสิทธิตามกฎหมายในการ
(1) ใช้ข้อมูลดังกล่าวในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงใช้ข้อมูลดังกล่าวทำให้ธุรกิจของตนเองมีความได้เปรียบ เช่น นางสาวเอที่เป็นเจ้าของสูตรการอบขนมเค้กที่เป็นความลับทางการค้า สามารถใช้จำหน่ายขนมเค้กดังกล่าวได้ตามกฎหมาย ซึ่งคุ้มครองไม่ให้สูตรขนมเค้กดังกล่าวสามารถถูกลอกเลียนแบบได้ รวมถึง
(2) ผู้ที่เป็นเจ้าของความลับทางการค้านั้นสามารถอนุญาตให้ใช้สิทธิ รวมถึงโอนสิทธิความเป็นเจ้าของตามกฎหมายได้ ยกตัวอย่างเช่น วันหนึ่งบริษัทร้านไอศครีมเจ้าดังต้องการนำเมนูขนมเค้กของนางสาวเอไปร่วมบรรจุในเมนูของทางร้าน นางสาวเอก็สามารถทำสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิแก่ร้านไอศครีมดังกล่าวโดยแลกเปลี่ยนกับผลตอบแทนอย่างอื่นได้ เช่น ผลตอบแทนไปเงินก้อน ส่วนแบ่งทางการขาย หรือหุ้นของบริษัทก็สามารถทำได้ โดยระยะเวลาในการอนุญาตให้ใช้สิทธิจะขึ้นอยู่กับข้อตกลงทั้งสองฝ่าย ตามที่เห็นสมควร แต่ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อความลับทางการค้าถูกเปิดเผยแล้ว อาจเป็นช่องทางที่จะสามารถถูกลอกเลียนได้โดยง่าย ในการทำสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธินั้น จึงควรมีผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญา หรือนักกฎหมายที่มีความเข้าใจในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาช่วยดูแล เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาการทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม รวมถึงป้องกันไม่ให้เปิดการเปิดช่องที่สามารถนำความลับทางการค้าดังกล่าวไปลอกเลียนแบบได้ในอนาคต
นอกเหนือจากกฎหมายความลับทางการค้าจะคุ้มครองกรณีที่ข้อมูลที่เป็นความลับจะถูกนำไปเปิดเผย หรือนำไปใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลแล้ว การคุ้มครองความลับทางการค้า ยังมีขอบเขตความคุ้มครองไปถึงการละเมิดในลักษณะดังต่อไปนี้ เช่น
- การขโมยหรือจารกรรมข้อมูล ไม่ว่าด้วยวิธีการใด ๆ
นายสมชายเป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ที่ต้นซอย โดยร้านข้าวมันไก่ดังกล่าวมีชื่อเสียงโด่งดัง เนื่องจากมีวิธีการหุงข้าวมัน วิธีการเตรียมไก่ และวิธีการทำน้ำจิ้มที่อร่อยไม่เหมือนร้านใด ๆ ซึ่งนายสมชายเป็นคนจัดเตรียมเองทั้งหมด ไม่ได้ให้พนักงานในร้านคนอื่น ๆ ร่วมในขั้นตอนการเตรียมอาหารด้วย เนื่องจากนายสมชายอายุค่อนข้างมาก จึงเขียนสูตรการทำข้าวมันไก่ทั้งหมดไว้ในกระดาษ จากนั้นนำกระดาษดังกล่าวใส่ลิ้นชักไว้ที่ตู้ข้างเตียงพร้อมล็อกกุญแจ หวังว่าวันหนึ่งลูกชายของตนที่ยังไม่สำเร็จการศึกษาจะมาสืบทอดกิจการ ปรากฏว่าวันหนึ่ง นายสมศักดิ์ซึ่งเป็นหนึ่งในพนักงานของร้านได้รู้ความลับดังกล่าวเข้า และได้แอบเข้าไปในห้องนอนของนายสมชายและปลดล็อกกุญแจได้สำเร็จ หลังจากนั้นไม่นาน นายสมศักดิ์ได้ลาออกจากการเป็นลูกจ้างและไปเปิดร้านข้าวมันไก่อีกร้านที่ท้ายซอย กรณีดังกล่าว ถือว่าเป็นการละเมิดความลับทางการค้า และนายสมชาย สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย รวมถึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายสมศักดิ์ยุติการดำเนินกิจการได้ - การผิดสัญญาที่มีข้อกำหนดมิให้เปิดเผยความลับทางการค้า (Non-Disclosure Agreement)
เช่น นายบี เป็นวิศวกรระดับสูงของบริษัทไพน์แอปเปิล ซึ่งให้บริการด้านซอฟต์แวร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยนายบีได้ทำสัญญามิให้เป็นเผยข้อมูลตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงาน และได้รับสิทธิการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นชั้นความลับของทางบริษัท วันหนึ่งนายบีถูกบังคับให้พ้นสภาพการเป็นพนักงาน เนื่องจากบริษัทต้องการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ด้วยความไม่พอใจ นายบีจึงนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบซอฟต์ของบริษัทไพน์แอปเปิลไปเปิดเผยในเวปไซต์สาธารณะ ส่งผลให้บริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองได้ กรณีนี้ บริษัท ไพน์แอปเปิลสามารถฟ้องร้องค่าเสียหายจากนายบีได้ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวนั้น ได้รับความคุ้มครองว่าเป็นความลับทางการค้า - การจูงใจให้ผู้รู้ความลับนั้นเปิดเผยความลับด้วยการกระทำต่าง ๆ
เช่น การติดสินบน หรือการข่มขู่ เป็นต้น ตัวอย่างในกรณีดังกล่าว ได้แก่ นางสาวสมหญิงเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของซูเปอร์มาร์เกตแห่งหนึ่ง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการตั้งราคาขายที่ต่ำกว่าซูเปอร์มาร์เกตอื่น ๆ ส่งผลให้คู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน อยากรู้ว่าซูเปอร์มาร์เกตที่นางสาวสมหญิงทำงานอยู่นั้น ซื้อวัตถุจากซัพพลายเออร์เจ้าไหนในราคาเท่าไหร่ จึงสามารถตั้งราคาได้ต่ำกว่าขนาดนั้น บริษัทเอช ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เกตคู่แข่ง จึงพยายามติดสินบนนางสาวสมหญิงด้วยเงินสดจำนวนหนึ่ง เมื่อนางสาวสมหญิงไม่ยอม จึงขมขู่นางสาวสมหญิงด้วยการส่งรูปนางสาวหญิงในอิริยาบทต่าง ๆ เช่น เดินออกจากบ้าน ขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน รวมถึงขณะไปเที่ยวเล่นกับครอบครัวด้วย ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้ นอกเหนือจากการมีความผิดในคดีอาญาแล้ว ยังมีความผิดในฐานะละเมิดความลับทางการค้าของบริษัทอีกด้วย
โดยหลัก ๆ แล้ว การคุ้มครองประเภทความลับทางการค้ามีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแข่งขันอย่างเท่าเทียบ รวมถึงส่งเสริมแนวทางปฏิบัติในเชิงพาณิชย์ที่สุจริตต่อกัน นอกจากนี้ พระราชบัญญัติความลับทางการค้ายังให้ความคุ้มครองการละเมิดอีกหลากหลายกรณี ซึ่งสามารถทำความเข้าใจได้จากพระราชบัญญัติฉบับเต็ม
ทั้งนี้ เช่นเดียวกับทรัพย์สินทางปัญญาประเภทอื่น ๆ ความลับทางการค้าอาจมีข้อจำกัดบางประการที่อาจทำให้อาจของเราไม่อยู่ภายใต้ขอบเขตความคุ้มครอง รวมถึงมีข้อควรระวังบางประการ เช่น
- ไม่คุ้มครองการค้นพบโดยอิสระ ในกรณีที่คู่แข่งสามารถคิดค้น หรือค้นพบข้อมูลที่ตรงกับความลับทางการค้าของเราได้ด้วยตนเอง ไม่ใช่เกิดจากความพยายามในการรับรู้ข้อมูลจากเรา จะถือว่าคู่แข่งนั้นสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่เป็นการละเมิดความลับทางการค้าของเรา เช่น บริษัทของเราเป็นบริษัทผลิตน้ำอัดลม ที่เก็บสูตรเกี่ยวกับส่วนผสมของน้ำอัดลมไว้เป็นความลับ วันหนึ่งบริษัทคู่แข่งสามารถพัฒนาสูตรที่เหมือนกับของเราขึ้นได้ ถึงแม้ว่าจะใช้ส่วนผสมเหมือนกันทั้งหมด แต่หากบริษัทคู่แข่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าได้ใช้ความพยายามของตนเองในการพัฒนาสูตรขึ้นมา และไม่เคยรับรู้ถึงสูตรของเรามาก่อน ก็จะถือว่าคู่แข่งสามารถใช้ประโยชน์จากสูตรดังกล่าวได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- ไม่คุ้มครองการค้นพบด้วยการทำวิศวกรรมแบบย้อนกลับ (Reverse Engineering) ในกรณีที่ผลิตภัณฑ์ของเราถูกคู่แข่งนำไปทำวิศวกรรมแบบย้อมกลับ จนสามารถล่วงรู้ถึงความลับในการออกแบบ กลไก กระบวนการผลิต หรือระบบการทำงานของเราได้นั้น หากเราเลือกใช้ความลับทางการค้าในการคุ้มครองงานของเรา จะไม่ครอบคลุมถึงกรณีดังกล่าว
ด้วยเหตุนี้ บริษัทที่ลงทุนด้านเทคโนโลยีจำนวนมาก จึงเลือกที่จะขอรับความคุ้มครองเป็นสิทธิบัตรมากกว่า เพราะถึงแม้ว่าจะถูกทำวิศวกรรมแบบย้อนกลับจนคู่แข่งสามารถรู้ถึงผลิตภัณฑ์ของเราเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่สามารถลอกเลียนได้ เนื่องจากยังคงมีสิทธิบัตรคุ้มครองอยู่นั่นเอง - การบังคับใช้ค่อนข้างขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้พิพากษา เนื่องจากความลับทางการค้านั้นไม่ได้มีขอบเขตการขอรับความคุ้มครองที่ถูกระบุไว้อย่างชัดเจนเหมือนกับสิทธิบัตร ซึ่งมีข้อถือสิทธิระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นการละเมิดหรือไม่ คดีความที่เกี่ยวข้องกับความลับทางการค้าจึงต้องอาศัยการพิสูจน์ที่ค่อนข้างมาก ในการที่เจ้าของความลับจะต้องพิสูจน์ให้ผู้พิพากษาเชื่อให้ได้ว่าข้อมูลของเราได้เข้าเงื่อนไขการเป็นความลับทางการค้าครบทั้ง 3 ข้อ รวมถึงพิสูจน์ให้ได้ว่าข้อมูลดังกล่าวเราเป็นเจ้าของข้อมูลที่แท้จริง และมีอาศัยความพยายามในการเก็บรักษาความลับอย่างเต็มที่แล้ว ในขณะที่สิทธิบัตรนั้น กว่าจะเป็นสิทธิบัตรที่ใช้ในการดำเนินคดีได้ จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบและรับจดทะเบียนจาก
กรมทรัพย์สินทางปัญญาก่อน จึงถือว่าเป็นการลดขั้นตอนการพิสูจน์ในชั้นศาลไปแล้วระดับหนึ่ง - เมื่อมีการเปิดเผยแล้ว ข้อมูลดังกล่าวจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป ข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้าของเรา หากถูกละเมิดขึ้น และเราทำการฟ้องร้องจนชนะคดีแล้ว เราอาจจะได้รับเพียงค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการละเมิด แต่ข้อมูลสำคัญของเรานั้นถูกเปิดเผยไปแล้ว ซึ่งเราอาจจะเสียเปรียบหากข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยไป ในขณะที่สิทธิบัตรนั้น ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราจะถูกเปิดเผยเป็นสาธารณะแล้ว แต่ก็ยังได้รับความคุ้มครองไม่ให้ผู้อื่นสามารถนำการประดิษฐ์ของเราไปใช้ได้อยู่ดี
ความลับทางการค้า เหมาะกับงานแบบไหน?
เนื่องจากความลับทางการค้านั้นมีลักษณะความคุ้มครองที่เป็นลักษณะเฉพาะ จึงไม่ใช้ข้อมูลหรือการประดิษฐ์ทุกอย่างจะสามารถเป็นความลับทางการค้าแล้วมีขอบเขตความคุ้มครองที่สูงสุด โดยส่วนมากแล้ว ข้อมูลที่เหมาะสำหรับการรับความคุ้มครองเป็นความลับทางการค้า มักมีลักษณะดังต่อไปนี้
- เป็นสูตรอาหาร ที่ไม่สามารถเลียนแบบ หรือทำวิศวกรรมย้อนกลับได้โดยง่าย เนื่องจากการประดิษฐ์ที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรม เคมี หรือชีวการแพทย์นั้น ในบริษัทที่มีต้นทุนสูงนั้น อาจมีการดำเนินการทำวิศวกรรมย้อนกลับแก่ประเภทนี้ได้โดยง่าย และเมื่อได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการประดิษฐ์เหล่านี้ขึ้นมา เท่ากับว่าเจ้าของข้อมูลไม่สามารถขอรับความคุ้มครองใด ๆ ได้อีก โดยส่วนมากแล้ว งานที่เป็นความลับทางการค้าจึงเหมาะสำหรับสูตรอาหารที่แกะสูตรตามได้ค่อนข้างยาก ตัวอย่างของสูตรอาหารที่เป็นความลับทางการค้า ได้แก่ สูตรน้ำจิ้มของบริษัท MK และส่วนผสมน้ำอัดลมของบริษัท Coca-Cola
- ไม่ใช่กระบวนการ หรือข้อมูลที่รับรู้กันโดยทั่วไปในบุคลากรภายใน เนื่องจากการเป็นความลับทางการค้านั้น จำเป็นต้องมีการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลไว้เป็นความลับ ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ด้วยมีส่วนเกี่ยวข้องเพียงไม่กี่คนเท่านั้น กระบวนการผลิต ถึงแม้ว่าจะมีลักษณะ รวมถึงให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างจากบริษัทอื่น ๆ แต่หากเป็นกระบวนการที่พนักงานจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับสายพานการผลิตต้องรับรู้ และต้องการความเข้าใจโดยหน้าที่แล้วนั้น ก็อาจไม่เหมาะที่จะเป็นความคุ้มครองในลักษณะความลับทางการค้า ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีการทำสัญญามิให้เปิดเผยความลับกับพนักงานอย่างรัดกุมแล้วก็ตาม
- เป็นข้อมูลประเภทอื่น ๆ ที่ไม่สามารถขอรับความคุ้มครองเป็นสิทธิบัตรได้ เนื่องจากในการเป็นสิทธิบัตรนั้น ค่อนข้างมีเงื่อนไขที่เฉพาะ และมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือ สูตร กระบวนการ ส่วนผสม หรือแม้กระทั่งการออกแบบที่มีลักษณะเฉพาะ แต่ว่าทั้งนี้ ก็อาจมีข้อมูลในลักษณะอื่น ๆ ที่สร้างความได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น รายชื่อซัพพลายเออร์ ยอดการสั่งซื้อของลูกค้า หรือแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถขอรับความคุ้มครองเป็นสิทธิบัตรได้ แต่หากบริษัทต้องจำเก็บไว้ การจัดเก็บอย่างถูกต้องตามเงื่อนไข ก็อาจทำให้ข้อมูลสำคัญธรรมดา กลายเป็นความลับทางการค้าขึ้น ซึ่งจะเพิ่มขอบเขคการได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย
ความลับทางการค้า VS สิทธิบัตร
กล่าวโดยสรุปแล้ว ทั้งความลับทางการค้าและสิทธิบัตร ต่างสามารถใช้ประโยชน์ในการเป็นเครื่องมือกำหนดกลยุทธ์และสร้างความได้เปรียบให้แก่ธุรกิจได้ทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ประกอบการ
รายการ | ความลับทางการค้า (Trade Secret) | สิทธิบัตร (Patent) |
ขอบเขตความคุ้มครอง | ข้อมูลการค้า | การประดิษฐ์ |
เงื่อนไขการได้รับความคุ้มครอง |
|
* อาจมีความแตกต่างในสิทธิบัตรแต่ละประเภท |
การพิจารณาตรวจสอบ | ไม่มี | โดยผู้ตรวจสอบของกรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญา |
การเปิดเผยข้อมูล | ไม่ต้องเปิดเผย | ต้องเปิดเผย และมีการประกาศโฆษณา |
ระยะเวลาการคุ้มครอง | ตลอดไปตราบเท่าที่เป็นความลับ | 6 – 20 ปี (ขึ้นอยู่กับประเภท และประเทศที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครอง) |
การตกเป็นสมบัติสาธารณะ (Public Domain) | ไม่มี | หลักจากสิ้นสุดอายุความคุ้มครอง |
ค่าใช้จ่าย | ค่าใช่จ่ายสำหรับมาตรการในการเก็บรักษาความลับ | ค่าธรรมเนียม และค่าบริการสำหรับที่ปรึกษา |
การทำวิศวกรรมย้อนกลับ | ไม่ถือเป็นการละเมิด | ถือเป็นการละเมิด |
การค้นพบโดยอิสระ | ไม่ถือเป็นการละเมิด | ถือเป็นการละเมิด |
Credit: R. Mark Halligan & Richard F. Weyand |
บริษัท IDG พร้อมให้บริการด้านความลับทางการค้าเเล้ว ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เราช่วยดูเเลตั้งเเต่การอบรมเกี่ยวกับความลับทางการค้า ตรวจสอบการจัดเก็บข้อมูล วางแผนบริหารจัดการตามประเภทข้อมูลรวมถึงสืบค้นเพื่อประเมินว่าสามารถเป็นความลับทางการค้าได้หรือไม่ เราพร้อมช่วยให้ธุรกิจของคุณมั่นใจได้ว่าข้อมูลลับจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัย ปรึกษาเจ้าหน้าที่ ฟรี!
ดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดต่อสอบถาม
อีเมล: [email protected]
โทร.: 02-011-7161 ถึง 6
ไลน์: @idgthailand
Facebook: facebook.com/IDGThailand
LinkedIn: linkedin.com/in/intellectualdesigngroup/