10 ข้อที่ต้องถามเมื่อคิดเริ่มต้นออกแบบโลโก้บริษัท
โลโก้ที่ดีจะต้องเป็นโลโก้ที่สามารถจดจำได้ง่ายเมื่อแรกเห็น และสามารถติดตาผู้บริโภคได้ทันที เช่น โลโก้ของ Nike ซึ่งเป็นรูปเครื่องหมายถูก โลโก้ของ apple ที่สวยงามชวนมอง เป็นต้น โลโก้เหล่านี้ทำหน้าที่ของมันได้ดีมากในการดึงแบรนด์ให้โดดเด่นเหนือคู่แข่งและทำให้ลูกค้าสนใจรวมไปถึงเพิ่มยอดขายได้
โลโก้ของ Nike | โลโก้ของ Apple |
เราทุกคนรู้จักโลโก้ดีๆ มากมายแต่เชื่อไหมครับว่าเราแทบไม่รู้กันเลยว่าโลโก้ที่ดีเหล่านั้นไม่ง่ายเลยที่จะสร้างขึ้นมา เมื่อเริ่มต้นออกแบบโลโก้ของคุณมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องพิจารณาตั้งแต่ concept ของสีไปจนถึงการออกแบบงานจริง 10 ข้อต่อไปนี้เป็นคำถามที่ต้องถามเมื่อเริ่มคิดเริ่มต้นออกแบบโลโก้ของบริษัทคุณ
1. โลโก้จะเป็นลักษณะอย่างไรดี
ปัจจุบันเราแบ่ง logo ออกเป็น 4 ลักษณะดังต่อไปนี้
- Wordmark เป็นโลโก้ที่ออกแบบโดยการนำตัวอักษรหลายตัวมาจัดเรียงเข้าด้วยกันหรือที่เรียกว่า logotype บริษัทที่ใช้โลโก้ลักษณะนี้เช่น eBay, IBM, CNN, Google, Kleenex เป็นต้น
- Letterform โลโก้ลักษณะนี้สร้างจากการประดิษฐ์ตัวอักษรตัวเดียวให้มีลักษณะพิเศษชวนจดจำ เช่น Honda, Uber, Unilever, McDonald’s เป็นต้น
- Pictorial เป็นโลโก้ที่มีลักษณะเป็นรูปภาพเชิงสัญลักษณ์ที่สามารถเห็นแล้วจดจำได้ง่าย เช่น Starbucks, Twitter, และ Playboy โลโก้ทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแต่มีลักษณะเป็นรูปภาพสัญลักษณ์ทั้งสิ้น
- Abstract ตัวโลโก้ไม่ได้สื่อถึงสิ่งใดใดแต่สามารถจดจำได้ง่าย ดูแล้วเหมือนกับภาพศิลปะแบบนามธรรม แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดที่ใช้โลโก้ลักษณะนี้ดูเหมือนจะเป็น Nike ครับ
2. logo ลักษณะไหนที่เหมาะกับบริษัทของเรามากที่สุด
โชคไม่ดีนักที่ไม่มีรูปแบบโลโก้ครอบจักรวาลที่จะเหมาะกับทุกๆ คน โลโก้ชนิดไหนจะเหมาะกับใครนั้นขึ้นอยู่กับชื่อและสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อออกมา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีบริษัทที่มีชื่อสั้นๆ อย่าง eBay โลโก้ประเภท wordmark หรือที่เรียกว่า logotype ก็ถือว่ามีความเหมาะสม นอกจากนี้โลโก้ประเภท wordmarks และ letterform จะทำให้ผู้บริโภคสามารถจดจำชื่อของคุณได้ดีกว่าโลโก้แบบนามธรรม แต่ถ้าคุณต้องการจะใช้โลโก้แบบนามธรรมกับบริษัทของคุณแล้วคุณจะต้องแน่ใจว่า logo นั้นสะท้อนถึงบุคลิกของแบรนด์ของคุณได้อย่างดี
3. จุดไหนของบริษัทที่ควรจะให้โลโก้สื่อออกมามากที่สุด
ตั้งแต่สีสันไปจนถึงรูปร่างของโลโก้ของบริษัทคุณจะต้องบอกได้ทันทีว่าบริษัทของคุณเป็นบริษัทเกี่ยวกับอะไร ให้บริการอะไร หรือผู้บริโภคจะได้รับบริการหรือมีความรู้สึกอย่างไรกับบริษัทของคุณ เมื่อมีใครสักคนมองที่โลโก้ เขาควรสัมผัสได้ถึงบุคลิกภาพของแบรนด์และความโดดเด่นของแบรนด์ของคุณที่แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ เขาต้องรู้ว่าคุณมีความเป็นมืออาชีพ คุณมีความมั่นใจ และจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่คุณทำ โลโก้ของ Amazon ใช้ตัวอักษรจากชื่อของบริษัทพร้อมด้วยลูกศรที่อยู่ด้านล่างซึ่งชี้จากตัวอักษร A ไปยังตัวอักษร z นี่เป็นตัวอย่างของโลโก้ที่สื่อถึงแบรนด์ได้เป็นอย่างดีเพราะการเชื่อมตัวอักษรจาก a ถึง z ด้วยลูกศรนั้นมีเหตุผลเนื่องจาก Amazon ให้บริการทุกอย่างตั้งแต่ a ถึง z ลูกค้าสามารถหาทุกสิ่งทุกอย่างได้จาก Amazon แห่งนี้ นอกจากนี้ลูกศรด้านล่างยังสามารถมองได้เป็นรูปรอยยิ้มซึ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเป็นกันเองอีกด้วย
4. สีไหนที่เหมาะกับโลโก้ของคุณที่สุด
การเลือกสีเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพื่อที่จะสื่อถึงตัวของคุณได้อย่างดีที่สุดและสร้างความแตกต่างเทคนิคที่สำคัญก็คือให้เลือกสีที่คู่แข่งรายใหญ่ของคุณไม่ใช้ในโลโก้ของเขา สีที่แตกต่างกันก็มีผลทางด้านจิตวิทยาที่แตกต่างกันด้วย ยกตัวอย่างเช่น สีแดงที่ถูกใช้อย่างเหมาะสมในแบรนด์ “กระทิงแดง” เป็นสีที่ทำให้รู้สึกตื่นตัว มีพลัง เข้มแข็ง สีเหลืองเป็นสีที่ให้ความรู้สึกสดชื่น กระชุ่มกระชวย หรืออย่างสีน้ำเงินที่ปรากฎในโทนสีของ Ford, Samsung และ GE ก็เป็นสีที่ให้ความมั่นใจ ความเป็นมืออาชีพ ความสงบ และความน่าเชื่อถือ
5. ควรใช้แบบอักษรลักษณะใด
เช่นเดียวกับสี แบบอักษรสื่อถึงอารมณ์และให้ความหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งก็จะเหมาะสมกับธุรกิจต่างลักษณะกันด้วย ยกตัวอย่างเช่น แบบอักษรที่ใช้ในโลโก้สำหรับสำนักกฎหมายควรจะสื่อถึงความแข็งแกร่ง การตัดสินใจที่แน่วแน่ และชัยชนะ ซึ่งจะดีมากหากสามารถออกแบบให้มีลักษณะหนา ตรง และไม่มีองค์ประกอบที่เลอะเทอะรกรุงรัง ในขณะที่ร้านขนมหวานควรจะใช้แบบอักษรในลักษณะที่สื่อถึงความเป็นเด็ก ความหวาน และความสนุกสนาน
โลโก้ของสำนักกฎหมาย | โลโก้ของร้านขนมหวาน |
6. ควรจ้าง graphic designer หรือออกแบบโลโก้เอง
แม้ว่าคุณจะเป็นคนที่วาดรูปเก่งเท่าไหร่ก็ตาม คุณก็ควรปล่อยให้การออกแบบโลโก้เป็นหน้าที่ของ graphic designer ที่มีประสบการณ์ในการออกแบบโลโก้ เพราะการออกแบบไม่ได้เป็นแค่เพียง “การวาด” แต่เป็นการรวมศาสตร์ทั้งด้านศิลปะ การวิเคราะห์ การตลาด จิตวิทยา และอีกหลายศาสตร์เข้าด้วยกัน การทำงานกับ graphic designer ที่มีประสบการณ์นั้นเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะมืออาชีพเหล่านี้จะเข้าใจว่าโลโก้ที่ดีเป็นควรอย่างไร โลโก้ลักษณะไหนที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ และจะทราบว่าการออกแบบโลโก้เพื่อนำไปใช้งานในสื่อที่แตกต่างกันจะต้องทำอย่างไร รวมไปถึงการออกแบบให้สามารถใช้งานได้บนทุกสื่อ เช่น บนเว็บไซต์, mobile JAV application, หรือป้ายหน้าร้าน สิ่งเหล่านี้ควรคิดและวางแผนให้ดีตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นธุรกิจเพื่อจะได้ไม่ต้องมาปวดหัวแก้ไขหรือออกแบบกันใหม่ภายหลัง สิ่งที่ทำให้เริ่มต้นได้เร็วขึ้นนั้นคุณจะต้องรู้ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นคุยกับดีไซเนอร์ว่าโลโก้ของคุณควรจะเป็นสีอะไร ประกอบด้วยรูปร่างอะไรบ้าง แบบอักษรที่คุณชอบและไม่ชอบ ให้สื่อสารความต้องการของคุณให้พวกเขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งก่อนที่จะเริ่มทำงานออกแบบเพื่อประหยัดเวลาในการแก้ไขแบบและทำงาน
7. การออกแบบโลโก้ใช้งบประมาณเท่าไหร่
บริษัทออกแบบมืออาชีพหรือมีชื่อเสียงโดยทั่วไปจะคิดค่าบริการออกแบบโลโก้อยู่ที่ระหว่าง 120,000 บาทถึง 450,000 บาท หรือบางครั้งอาจมากกว่านี้ ซึ่งเป็นราคาเฉพาะสำหรับโลโก้เพียงอย่างเดียว บางทีอาจจะไม่ค่อยเหมาะนักกับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มใหม่หรือ SMEs ดังนั้นผมจึงแนะนำอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจคือการติดต่อ graphic designer ที่คิดค่าทำงานเป็นชั่วโมงโดย ซึ่งทั่วไปจะเริ่มต้นตั้งแต่ชั่วโมงละ 1,000 ไปจนถึง 4,500 บาท ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความสามารถ ที่สำคัญที่สุดคืออย่าจ้างดีไซเนอร์คนใดคนหนึ่งเพราะเห็นแก่ราคาที่ต่ำกว่าคนอื่น ให้หาดีไซเนอร์ที่มีความคุ้นเคยและมีประสบการณ์กับการออกแบบโลโก้ในลักษณะของธุรกิจคุณและคู่แข่งของคุณจะดีที่สุด
8. โลโก้ที่ออกแบบแล้วควรจะนำไปแสดงที่ไหนบ้าง
คำถามที่ดีกว่าคือ “ที่ไหนบ้างที่ไม่ควรนำโลโก้ไปแสดง” เพราะคุณคงไม่ต้องการให้มีโลโก้ติดอยู่ทุกที่ที่มองเห็นแน่ๆ ในโลกไซเบอร์นั้นโดยทั่วไปโลโก้จะถูกนำมาใช้งานบนเว็บไซต์และบน social media เช่น Facebook, Twitter, Instagram และ Pinterest สำหรับในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นการติดโลโก้ที่ประตูหน้าทางเข้า บรรจุภัณฑ์ เครื่องแบบ เครื่องใช้สำนักงาน นามบัตร และหัวกระดาษเอกสารรวมไปถึงสัญญาก็เพียงพอแล้ว
9. ข้อผิดพลาดใดบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง
ข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดคือการออกแบบโลโก้ก่อนที่จะศึกษาและพิจารณาโลโก้ของคู่แข่งให้ถี่ถ้วน ถ้าโลโก้ของคุณถูกออกแบบมาแล้วมีความคล้ายคลึงกับของคู่แข่งหรือบางครั้งอาจจะเหมือนกันโดยไม่ตั้งใจ ลูกค้าจะไม่สามารถแยกแยะธุรกิจของคุณออกจากธุรกิจของคู่แข่งได้ และจะเป็นปัญหาหนักสำหรับคุณในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ก่อนเริ่มออกแบบโลโก้ควรสืบค้นความเหมือนคล้ายของเครื่องหมายการค้าจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์เสียก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าชื่อแบรนด์และลักษณะที่ต้องการใช้จะไม่ไปเหมือนหรือคล้ายกับของคนอื่นหรือคู่แข่งที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้า / บริการ ไปแล้ว ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการถูกฟ้องร้องเรื่องการละเมิดเครื่องหมายการค้าได้ในอนาคต ขนาดโลโก้ที่ใหญ่ที่เหมาะกับการนำไปใช้งานที่สุดไม่ควรใหญ่เกินกว่า 1 หน้ากระดาษ A4 ไม่ว่าจะถูกนำไปใช้ในที่ใดก็ตาม เช่น เว็บไซต์, ไอคอนของโปรแกรม, บน billboard, บนเสื้อหรือกระทั่งติดข้างรถบรรทุกก็ตาม
10. เร็วเกินไปใหมที่จะกังวลว่าโลโก้จะล้าสมัยหรือไม่ถ้าเวลาผ่านไปหลายปี
โลโก้เกือบทั้งหมดจำเป็นที่จะต้องมีการปรับแต่งบ้างหลังจากเวลาผ่านไปหลายปีอยู่แล้ว แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงที่มากเกินไปควรจะยึดรูปแบบการออกแบบที่เป็นของดั้งเดิมไว้และปรับแต่งให้น้อยที่สุดตามความจำเป็นเมื่อเวลาผ่านไปเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยและไม่ล้าหลัง
IDG เราคือมืออาชีพด้านการให้บริการออกแบบอัตลักษณ์ขององค์กร เพื่อจดทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางปัญญา โดยวิเคราะห์จากรูปแบบธุรกิจและปัจจัยอื่นๆ อย่างรอบด้าน โดยนักออกแบบมืออาชีพที่มากด้วยประสบการณ์ ทั้งด้านออกแบบและทรัพย์สินทางปัญญา
หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้แล้วคุณผู้อ่านคงมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการออกแบบโลโก้บริษัทนะครับ ผมหวังว่าจะนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่เพื่อที่จะได้ออกแบบโลโก้ที่มีความสวยงาม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และจดจำได้ง่ายสำหรับผู้บริโภค จะเป็นประโยชน์ในระยะยาวกับการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก และอย่าลืมกลับมาติดตามบทความที่มีประโยชน์จาก www.idgthailand.com กันด้วยนะครับ Source : 10 Questions to Ask When Designing Your Company’s Logo (entrepreneur.com) เรียบเรียงโดย: ทีมออกแบบ IDG