OUR BLOG

เมื่อทรัพย์สินทางปัญญาคือทางรอด ของเศรษฐกิจไทยในยุคสงครามการค้า

The Rhythm of Protection Copyright in the Digital Music Era (12)
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อพันธมิตรการค้าทั่วโลก โดยมีนัยสำคัญต่อประเทศไทยและประเทศในเอเชียอื่น ๆ การประกาศครั้งนี้ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ขนานนามว่า “วันปลดปล่อย” (Liberation Day) ได้กำหนดโครงสร้างภาษีแบบสองระดับ ได้แก่:
      ภาษีตอบโต้ สำหรับราว 60 ประเทศที่สหรัฐฯ มีดุลการค้าขาดดุลอย่างมีนัยสำคัญ
      ภาษีพื้นฐาน 10% ที่บังคับใช้กับทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกัน
สำหรับประเทศไทย มาตรการนี้ส่งผลให้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีในอัตราสูงถึง 36% จากสินค้านำเข้าจากไทย โดยอ้างอิงจากคำกล่าวของทรัมป์ว่าไทยเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ถึง 72% โดยเฉพาะสินค้าในภาคอุตสาหกรรมที่พึ่งพาการส่งออก 
ปี 2023 สินค้า 5 อันดับแรก 1.เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: มูลค่า 16.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 2.เครื่องจักรและส่วนประกอบ: มูลค่า 10.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 3.ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง: มูลค่า 4.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 4.ยานยนต์และชิ้นส่วน: มูลค่า 2.60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 5.อัญมณีและโลหะมีค่า: มูลค่า 1.70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

IDG เรามองว่าการใช้ ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทางออกอีกทางทีจะช่วยให้ประเทศไทยรวมถึงการหาตลาดใหม่ๆ เช่น ASEAN และ EU 


กลยุทธิ์ IP การให้อนุญาตใช้สิทธิ (Licensing)

ระบบกฎหมายของประเทศไทยเอื้อต่อการทำข้อตกลงอนุญาตใช้สิทธิที่ยืดหยุ่นในด้านสิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า และลิขสิทธิ์ ตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าและนโยบายสาธารณะ
การให้อนุญาตใช้สิทธิเปิดโอกาสให้บริษัทไทยสามารถสร้างรายได้จากทรัพย์สินทางปัญญา (เช่น เทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรแล้ว หรือความร่วมมือด้านแบรนด์) ผ่านค่าลิขสิทธิ์ แทนที่จะเป็นการส่งออกสินค้าโดยตรง ช่วยหลีกเลี่ยงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษี ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สามารถให้สิทธิการใช้แบบสิทธิบัตรแก่พันธมิตรในสหรัฐฯ เพื่อผลิตในท้องถิ่นได้

การหาตลาดใหม่ ASEAN และ EU 

จากนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาโดยกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำ (Baseline Tariff) ที่ 10% และเฉพาะกับประเทศไทยที่สูงถึง 36% ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกไทยในหลายกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะสินค้ายานยนต์ เทคโนโลยี เกษตรแปรรูป และอิเล็กทรอนิกส์
การหาตลาดส่งออกใหม่จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในภูมิภาค อาเซียน (ASEAN) ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูงและมีโอกาสในการยอมรับนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาของไทย
.เวียดนาม
  • จุดแข็ง: อุตสาหกรรมกำลังเติบโต, แรงงานราคาประหยัด, ความต้องการนวัตกรรมด้านอาหารและสุขภาพ
  • สินค้าที่เหมาะสม: อาหารเสริมสุขภาพ, เทคโนโลยีการเกษตร, ผลิตภัณฑ์ความงามจากสมุนไพร
มาเลเซีย
  • จุดแข็ง: ประชากรมีกำลังซื้อสูง, เป็นตลาดฮาลาลที่เข้มแข็ง
  • สินค้าที่เหมาะสม: เวชสำอาง, อาหารฮาลาล, บรรจุภัณฑ์ชีวภาพ
อินโดนีเซีย 
  • จุดแข็ง: ตลาดขนาดใหญ่, ความต้องการเทคโนโลยีเกษตร
  • สินค้าที่เหมาะสม: อาหารแปรรูป, สินค้าเกษตรแปรรูป และเทคโนโลยีการเกษตร
ข้อระวัง 
ประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตขนาดใหญ่ก็โดนปัญหาการขึ้นภาษีจากรัฐบาลสหรัฐฯ มากถึง 34% ซึ่งมีการปรับขึ้นก่อนหน้านี้อีก 20 % ทำให้ประเทศจีนก็ต้องมองหาโอกาสในตลาดใหม่ๆเช่นกัน ผู้ประกอกการไทยอาจจะต้องระวังเรื่องสินค้าถลักเข้ามา ซึ่งส่งผลต่อแข่งขันในตลาดประเทศไทยให้สูงขึ้น 
Facebook
Twitter
LinkedIn
The Rhythm of Protection Copyright in the Digital Music Era (12)
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อพันธมิตรการค้าทั่วโลก โดยมีนัยสำคัญต่อประเทศไทยและประเทศในเอเชียอื่น ๆ การประกาศครั้งนี้ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ขนานนามว่า “วันปลดปล่อย” (Liberation Day) ได้กำหนดโครงสร้างภาษีแบบสองระดับ ได้แก่:
      ภาษีตอบโต้ สำหรับราว 60 ประเทศที่สหรัฐฯ มีดุลการค้าขาดดุลอย่างมีนัยสำคัญ
      ภาษีพื้นฐาน 10% ที่บังคับใช้กับทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกัน
สำหรับประเทศไทย มาตรการนี้ส่งผลให้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีในอัตราสูงถึง 36% จากสินค้านำเข้าจากไทย โดยอ้างอิงจากคำกล่าวของทรัมป์ว่าไทยเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ถึง 72% โดยเฉพาะสินค้าในภาคอุตสาหกรรมที่พึ่งพาการส่งออก 
ปี 2023 สินค้า 5 อันดับแรก 1.เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: มูลค่า 16.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 2.เครื่องจักรและส่วนประกอบ: มูลค่า 10.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 3.ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง: มูลค่า 4.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 4.ยานยนต์และชิ้นส่วน: มูลค่า 2.60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 5.อัญมณีและโลหะมีค่า: มูลค่า 1.70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

IDG เรามองว่าการใช้ ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทางออกอีกทางทีจะช่วยให้ประเทศไทยรวมถึงการหาตลาดใหม่ๆ เช่น ASEAN และ EU 


กลยุทธิ์ IP การให้อนุญาตใช้สิทธิ (Licensing)

ระบบกฎหมายของประเทศไทยเอื้อต่อการทำข้อตกลงอนุญาตใช้สิทธิที่ยืดหยุ่นในด้านสิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า และลิขสิทธิ์ ตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าและนโยบายสาธารณะ
การให้อนุญาตใช้สิทธิเปิดโอกาสให้บริษัทไทยสามารถสร้างรายได้จากทรัพย์สินทางปัญญา (เช่น เทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรแล้ว หรือความร่วมมือด้านแบรนด์) ผ่านค่าลิขสิทธิ์ แทนที่จะเป็นการส่งออกสินค้าโดยตรง ช่วยหลีกเลี่ยงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษี ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สามารถให้สิทธิการใช้แบบสิทธิบัตรแก่พันธมิตรในสหรัฐฯ เพื่อผลิตในท้องถิ่นได้

การหาตลาดใหม่ ASEAN และ EU 

จากนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาโดยกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำ (Baseline Tariff) ที่ 10% และเฉพาะกับประเทศไทยที่สูงถึง 36% ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกไทยในหลายกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะสินค้ายานยนต์ เทคโนโลยี เกษตรแปรรูป และอิเล็กทรอนิกส์
การหาตลาดส่งออกใหม่จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในภูมิภาค อาเซียน (ASEAN) ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูงและมีโอกาสในการยอมรับนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาของไทย
.เวียดนาม
  • จุดแข็ง: อุตสาหกรรมกำลังเติบโต, แรงงานราคาประหยัด, ความต้องการนวัตกรรมด้านอาหารและสุขภาพ
  • สินค้าที่เหมาะสม: อาหารเสริมสุขภาพ, เทคโนโลยีการเกษตร, ผลิตภัณฑ์ความงามจากสมุนไพร
มาเลเซีย
  • จุดแข็ง: ประชากรมีกำลังซื้อสูง, เป็นตลาดฮาลาลที่เข้มแข็ง
  • สินค้าที่เหมาะสม: เวชสำอาง, อาหารฮาลาล, บรรจุภัณฑ์ชีวภาพ
อินโดนีเซีย 
  • จุดแข็ง: ตลาดขนาดใหญ่, ความต้องการเทคโนโลยีเกษตร
  • สินค้าที่เหมาะสม: อาหารแปรรูป, สินค้าเกษตรแปรรูป และเทคโนโลยีการเกษตร
ข้อระวัง 
ประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตขนาดใหญ่ก็โดนปัญหาการขึ้นภาษีจากรัฐบาลสหรัฐฯ มากถึง 34% ซึ่งมีการปรับขึ้นก่อนหน้านี้อีก 20 % ทำให้ประเทศจีนก็ต้องมองหาโอกาสในตลาดใหม่ๆเช่นกัน ผู้ประกอกการไทยอาจจะต้องระวังเรื่องสินค้าถลักเข้ามา ซึ่งส่งผลต่อแข่งขันในตลาดประเทศไทยให้สูงขึ้น 

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ IDG

ผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำแนะนำคุณอย่างเต็มที่

ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญ