1. การลดความเสี่ยง
การวิจัยตลาดที่มีประสิทธิภาพจะช่วยตรวจสอบความถูกต้องของแนวคิดก่อนที่จะมีการลงทุนครั้งใหญ่ โดยสามารถเปิดเผยความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นหรือข้อโต้แย้งจากผู้บริโภคได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้ธุรกิจสามารถปรับทิศทางและหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่มีค่าใช้จ่ายสูง ตัวอย่างเช่น การวิจัยสามารถบ่งชี้ได้ว่ามีความต้องการเพียงพอสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่หรือไม่ ซึ่งช่วยให้บริษัทตัดสินใจว่าจะดำเนินการต่อหรือทบทวนข้อเสนอของตนใหม่

หนึ่งใน “ตัวอย่างเตือนใจ” ที่มีชื่อเสียงคือ “นิว โค้ก” – ในช่วงทศวรรษ 1980 โคคา-โคล่าได้เปิดตัวสูตรใหม่หลังจากการวิจัยทดสอบรสชาติอย่างละเอียด แต่กลับไม่คำนึงถึงความผูกพันทางอารมณ์ของลูกค้ากับโค้กสูตรดั้งเดิม ความผิดพลาดนี้ ซึ่งมีรากฐานมาจากสมมติฐานการวิจัยที่บกพร่อง ทำให้บริษัทสูญเสียเงินหลายล้านเมื่อ “นิว โค้ก” ล้มเหลว สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการวิจัยและการตั้งคำถามที่ถูกต้อง สามารถลดความเสี่ยงได้อย่างไร

2. ศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า:
การวิจัยตลาดให้ข้อมูลเชิงลึกที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการ ความชอบ และปัญหาของลูกค้า ด้วยการใช้แบบสำรวจ การสัมภาษณ์ หรือการสังเกตพฤติกรรมของลูกค้า ท่านจะสามารถเรียนรู้ได้ว่าทำไมลูกค้าถึงตัดสินใจและสิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆ คืออะไร ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ช่วยให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดดีขึ้น

ตัวอย่างเช่น สตาร์บัคส์ระบุว่าความสำเร็จส่วนใหญ่มาจากการรวบรวมความคิดเห็นจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง (ผ่านโครงการอย่างแพลตฟอร์ม My Starbucks Idea) และปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการตามข้อมูลจากผู้บริโภค การเข้าใจลูกค้าในระดับนี้ช่วยสร้างผลิตภัณฑ์และข้อความที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง

3. ความได้เปรียบทางการแข่งขัน:
ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การก้าวนำหน้าคู่แข่งเป็นสิ่งสำคัญ การวิจัยตลาดช่วยให้บริษัทมีข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมการแข่งขัน เช่น สิ่งที่แบรนด์คู่แข่งนำเสนอและช่องว่างที่ยังมีอยู่ ด้วยข้อมูลนี้ ท่านยังสามารถระบุกลุ่มตลาดที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองหรือจุดอ่อนในแนวทางของคู่แข่ง และใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านั้น