
7 สเต็ปพร้อมลุย! Market Research เปลี่ยนมือใหม่ให้เข้าใจลูกค้า
จากบทความ “ไขข้อสงสัย! Market Research มีกี่แบบ? พร้อม 4 วิธีฮิตเก็บข้อมูลลูกค้า” ที่ได้มีการพูดถึงประเภทของการทำวิจัยการตลาด พร้อมกับ 4 วิธีสุดฮิตสำหรับการทำวิจัยการตลาด พร้อมกับยกตัวอย่างแบรนด์ดัง ทุกคนอาจจะเริ่มมีคำถามว่า “แล้วจะเริ่มยังไงดีล่ะ?” ลองดู 7 ขั้นตอนง่ายๆ นี้เป็นแนวทางครับ
- คำถามคาใจคืออะไร?: เริ่มจากสิ่งที่คุณอยากรู้ที่สุดเกี่ยวกับธุรกิจ ลูกค้า หรือตลาดของคุณ เช่น “สินค้าใหม่ที่กำลังจะปล่อย ลูกค้ากลุ่มไหนจะสนใจนะ?” “ทำไมช่วงนี้ยอดขายสาขา A ตก?” “ลูกค้าประทับใจอะไรในแบรนด์ของเรามากที่สุด?”
- เป้าหมายชัดเจนมีชัยไปกว่าครึ่ง: ตั้งเป้าเลยว่าอยากรู้ ‘อะไร’ เพื่อเอาไป ‘ทำอะไรต่อ’ เช่น “อยากรู้ว่าลูกค้ากลุ่มไหนสนใจสินค้าใหม่ เพื่อนำไปวางแผนการตลาดและเลือกช่องทางโปรโมทได้ตรงจุด”
- เลือกวิธีที่ใช่ สไตล์ที่ชอบ: จากวิธีต่างๆ ที่เล่ามา (เชิงปริมาณ, คุณภาพ, สังเกต, หรือดูข้อมูลเก่าจาก Secondary Research) ลองดูว่าอันไหนตอบโจทย์คำถามและงบประมาณของคุณที่สุด บางทีอาจจะต้องใช้ผสมผสานหลายวิธีก็ได้นะครับ
- เตรียมเครื่องมือให้พร้อมรบ: เช่น ถ้าจะทำแบบสอบถาม (เชิงปริมาณ) ก็ต้องออกแบบคำถามให้ดี ไม่ชี้นำ ถ้าจะสัมภาษณ์ (เชิงคุณภาพ) ก็ต้องมีแนวคำถาม (Interview Guide) ว่าจะคุยเรื่องอะไรบ้าง
- ลุยเก็บข้อมูล: ถึงเวลาลงสนามจริง อาจจะเริ่มจากกลุ่มเล็กๆ ก่อนก็ได้ครับ
- ย่อยข้อมูล หา Insight เด็ดๆ: เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว ก็ถึงเวลานำมาวิเคราะห์ สรุปผล ดูว่ามันบอกอะไรเราบ้าง มีอะไรน่าสนใจซ่อนอยู่ หรือมีแนวโน้มอะไรที่น่าจับตามอง
- สรุปผลพร้อมใช้ ตัดสินใจได้เลย: สรุปสิ่งที่คุณค้นพบเป็นรายงานที่เข้าใจง่าย แล้วนำไปปรับปรุงธุรกิจ วางแผนการตลาด หรือตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ต่อไป
เครื่องมือติดสปีดงานวิจัย (ยุคนี้มีอะไรให้ใช้บ้าง?)
พอรู้ขั้นตอนการเริ่มทำวิจัยการตลาดแล้ว หลายๆท่านอาจจะสงสัยว่า “แล้วจะใช้เครื่องมืออะไรช่วยดีนะ?” ซึ่งเดี๋ยวนี้มีเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้การทำ Market Research ง่ายและเร็วขึ้นเยอะเลยครับ โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจมือใหม่ที่อาจจะยังไม่มีงบประมาณมากนัก ยกตัวอย่างเช่น
- ทำแบบสอบถามง่ายๆ ฟรีๆ: Google Forms ใช้งานง่าย สร้างแบบสอบถามออนไลน์ได้หลากหลายรูปแบบ หรือ SurveyMonkey (มีเวอร์ชันฟรีให้ใช้) ก็เป็นที่นิยม
- วิเคราะห์คนเข้าเว็บไซต์ของคุณ: Google Analytics เป็นเครื่องมือฟรีที่ทรงพลังมาก ช่วยให้คุณรู้ว่าใครเข้ามาดูเว็บไซต์คุณบ้าง มาจากช่องทางไหน ดูหน้าไหนนานเป็นพิเศษ (ใครยังไม่ติด ต้องรีบเลย!)
- ดูว่าคนพูดถึงแบรนด์เรา (หรือคู่แข่ง) ว่ายังไงในโซเชียล: ลองใช้ Social Listening Tools แบบเริ่มต้น (หลายเจ้ามีให้ทดลองใช้ฟรี) หรือแค่คุณลอง Search ชื่อแบรนด์/สินค้าของคุณใน Facebook, X (Twitter), Pantip ก็พอจะเห็นกระแสตอบรับได้บ้าง
- หา Trend ฮิตๆ อะไรกำลังมา: Google Trends ช่วยให้คุณเห็นว่าคนกำลังสนใจค้นหาเรื่องอะไรกันอยู่ทั่วโลกหรือในประเทศไทย สามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจได้
เลือกวิธีวิจัยตลาดยังไงให้เป๊ะปัง เหมาะกับธุรกิจคุณ?
เราได้สรุปง่ายๆ ให้คุณเลือกวิธีวิจัยตลาดได้เหมาะกับสถานการณ์และความต้องการของธุรกิจคุณ ดังนี้ครับ
- อยากได้ภาพรวม เห็นตัวเลขชัดๆ ต้องการข้อมูลไปยืนยันสมมติฐาน? เลือก วิจัยเชิงปริมาณ เลยครับ
- อยากเข้าใจลูกค้าแบบถึงกึ๋น หาไอเดียใหม่ๆ อยากรู้ “ทำไม” เขาถึงทำแบบนั้น? วิจัยเชิงคุณภาพ คือคำตอบ
- งบน้อย เวลามีจำกัด อยากได้ข้อมูลภาพรวมเร็วๆ? ลองเริ่มจาก ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Research) ก่อนก็ได้ครับ
- อยากเห็นพฤติกรรมจริงแบบไม่ปรุงแต่ง ไม่อยากให้ลูกค้ารู้ตัว? วิจัยเชิงสังเกต ช่วยได้
Pro-Tip จากผู้เชี่ยวชาญ: ส่วนใหญ่แล้ว การผสมผสานหลายๆ วิธีเข้าด้วยกัน (Mixed Methods) มักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและรอบด้านที่สุดครับ ทำให้เราเห็นภาพครบทุกมุม ทั้ง “อะไร” (What) และ “ทำไม” (Why)
ทำเอง vs. จ้างมือโปร: เมื่อไหร่ที่ควรขอตัวช่วย?
มาถึงคำถามสำคัญที่หลายคนอาจจะสงสัยว่า “แล้วฉันควรจะทำ Market Research เอง หรือจ้างบริษัทดี?” ลองพิจารณาตามนี้ได้เลยครับ
ทำเองก็ดีนะ ถ้า...
- คุณมีเวลาศึกษาและลงมือทำอย่างจริงจัง
- งบประมาณจำกัดมากๆ และอยากเริ่มจากสเกลเล็กๆ เพื่อเรียนรู้ก่อน
- คำถามที่คุณอยากรู้ไม่ซับซ้อนมาก และพอมีคนในทีมช่วยกันทำได้
- คุณอยากได้ประสบการณ์ตรงและเข้าใจกระบวนการด้วยตัวเอง
แต่ถ้าเจอแบบนี้...มือโปรอาจช่วยได้เยอะกว่า
- ไม่มีเวลาเลยจริงๆ: เจ้าของธุรกิจมือใหม่ส่วนใหญ่มักจะมีหลายอย่างให้ทำ การทำวิจัยต้องใช้เวลาและความใส่ใจพอสมควร ถ้าคุณยุ่งมาก การจ้างมืออาชีพมาดูแลส่วนนี้จะทำให้คุณเอาเวลาไปโฟกัสเรื่องอื่นที่สำคัญไม่แพ้กันได้เต็มที่
- ต้องการข้อมูลที่แม่นยำมากๆ และเป็นกลาง: ผู้เชี่ยวชาญจะมีวิธีการ เครื่องมือที่ทันสมัย และประสบการณ์ในการออกแบบการวิจัยให้ตรงจุด ช่วยลดความเอนเอียง (Bias) ที่อาจเกิดขึ้นถ้าเราทำเองถามเอง
- ปัญหาซับซ้อน ต้องการการวิเคราะห์เชิงลึก: บางครั้งคำถามทางธุรกิจก็ซับซ้อนเกินกว่าจะหาคำตอบง่ายๆ หรือข้อมูลที่ได้มาอาจจะต้องอาศัยการตีความและวิเคราะห์จากผู้มีประสบการณ์เพื่อดึง Insight ที่ซ่อนอยู่ออกมา
- อยากได้ผลลัพธ์ที่นำไปใช้ตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ได้อย่างมั่นใจ: การลงทุน การขยายธุรกิจ หรือการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ในธุรกิจ ถ้ามีข้อมูลที่ดีและน่าเชื่อถือรองรับ ก็เหมือนมีเกราะป้องกันความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสความสำเร็จ
- อยากได้มุมมองจากคนนอก (Objective View): บางทีมุมมองจากคนนอกที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจโดยตรง และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อาจช่วยให้คุณเห็นอะไรใหม่ๆ หรือจุดบอดที่คุณอาจมองข้ามไป
การลงทุนจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านวิจัยตลาดก็เหมือนการลงทุนซื้อ ‘ความรู้และความมั่นใจ’ ครับ ช่วยลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจผิดพลาด ซึ่งในระยะยาวแล้วอาจจะคุ้มค่ากว่าการลองผิดลองถูกด้วยตัวเองก็ได้นะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการตัดสินใจนั้นมีผลกระทบสูงต่อธุรกิจของคุณ
สรุปแล้ว Market Research ไม่ใช่ยาวิเศษ แต่เป็นเข็มทิศนำทางธุรกิจคุณ!
หวังว่าบทความนี้จะทำให้คุณเจ้าของธุรกิจมือใหม่เห็นภาพรวมและความสำคัญของ Market Research มากขึ้นนะครับ มันอาจจะไม่ใช่ ‘ยาวิเศษ’ ที่กินแล้วธุรกิจจะรุ่งทันที แต่มันคือ ‘เข็มทิศ’ สำคัญที่จะช่วยให้คุณไม่หลงทางในตลาดที่มีการแข่งขันสูง เข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น พัฒนาสินค้าและบริการได้ตรงใจ และตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในธุรกิจได้อย่างมั่นใจมากขึ้นแน่นอน
ลองเริ่มจากคำถามง่ายๆ ที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับลูกค้าและตลาดของคุณ แล้วเลือกวิธีที่ใช่ไปค้นหาคำตอบกันเลยครับ และถ้าหากคุณรู้สึกว่าอยากได้ที่ปรึกษาหรือผู้ช่วยมืออาชีพในการทำ Market Research เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เฉียบคมและนำไปใช้ได้จริง ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของ IDG ก็พร้อมให้คำแนะนำและบริการ เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างที่ตั้งใจครับ
สนใจปรึกษาเรื่องการทำวิจัยตลาดสำหรับธุรกิจของคุณ? ติดต่อเราได้เลย
อีเมล: [email protected]
โทร.: 02-011-7161 ถึง 6
Line: @idgthailand
Facebook: IDGThailand