4. ตรวจสอบสินทรัพย์สำคัญที่มีอยู่ (Key Assets Audit)
ขั้นตอนนี้สามารถทำก่อนขั้นตอนอื่นๆได้ โดยจะเป็นกระบวนการทำ Audit หรือการนำสินทรัพย์ที่สำคัญของเรามาตรวจสอบ บันทึก และปกป้องอย่างถูกวิธี และเนื่องจากธุรกิจในยุคปัจจุบันล้วนแต่ใช้ Intangible Assets ในการขับเคลื่อนประสิทธิภาพขององค์กร ซึ่งสินทรัพย์เหล่านี้ อาจรวมไปถึง แบรนด์ ดาต้า อัลกอริทึม บุคลากร ความรู้เฉพาะทาง กระบวนการทางธุรกิจ สิทธิบัตร ความสัมพันธ์กับนักลงทุน ลูกค้า และซัพพลายเออร์ ใบรับรอง กระบวนการ/ระบบ วัฒนธรรมองค์กร เป็นต้น
ผมจึงอยากให้คุณได้ลองวิเคราะห์กับทีมงาน และบันทึก Intangible Assets ที่เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจภายในของคุณอย่างแท้จริง เพราะสิ่งเหล่านี้ เมื่อนำไปประกอบกับเทคโนโลยีที่เราวิเคราะห์ในขั้นตอนที่ 1-3 แล้วจะช่วยเราสร้างนวัตกรรมที่โดดเด่น ทรงพลัง และแตกต่างจากคู่แข่งได้อย่างสูงสุด แต่อย่าลืมว่าคุณจะต้องปกป้อง Intangible Assets ที่สำคัญเหล่านี้ให้เป็นทรัพย์สินทางปัญญา และสัญญาในรูปแบบต่างๆให้ได้มากที่สุด
5. วิเคราะห์ความคาดหวังใหม่ที่เกิดขึ้น (New Expectations Analysis)
จากขั้นตอนที่ 1-2 เราจะเห็นว่าเทคโนโลยีที่เป็นแรงบันดาลใจของเรา ทำให้ตลาด ลูกค้า และผู้บริโภคเกิดความคาดหวังอะไรขึ้นมาใหม่จากแบรนด์หรือบริษัทที่สร้างเทคโนโลยีเหล่านี้ขึ้นมา ผลจากการวิเคราะห์อาจจะทำให้เห็นจุดตึงเครียด (Tension Points) ที่ลูกค้ากำลังเผชิญอยู่กับเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมนั้นๆ ลูกค้าอาจต้องการความ Personalize หรือความเฉพาะกับตัวบุคคลมากขึ้น เช่น เนื้อสังเคราะห์ที่มีการเพิ่ม Immune Booster ที่สามารถดูดซึมได้ดีกว่าเนื้อปกติ สำหรับบุคคลที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ หรือติดเชื้อได้ง่าย หรือความปลอดภัยในกระบวนการผลิตที่ปราศจากเชื้อโรค ทำให้ผู้บริโภคสามารถเช็คย้อนกลับถึงต้นทางได้
หรือเรื่องความรวดเร็วในการให้บริการ เช่น การสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะพฤติกรรมที่เปลี่ยนหลังจากวิกฤต COVID-19 จะทำให้ผู้บริโภคคาดหวังการเลือกซื้อสินค้าหลากหลายผ่านช่องทางออนไลน์ การระบุความต้องการทางโภชนาการและการได้รับการบริการผ่านผ่านช่องทางดังกล่าวโดยไม่ต้องพบเจอผู้ขายด้วยตัวเองอีกต่อไป ทั้งนี้ การใช้ Chatbot มาช่วยตอบคำถามและให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์จากมีประโยชน์กับผู้บริโภคมากมาย
ความคาดหวังเหล่านี้สำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่จะบอกเราว่าเราควรพัฒนานวัตกรรม หรือ Deep Tech ของเราไปในทิศทางไหนให้สอดคล้องกับความคาดหวังใหม่หรือปัญหาที่ลูกค้ากำลังเผชิญอยู่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
ระยะการสร้างนวัตกรรม (Creation Phase):
6.เลือกประเภทของนวัตกรรมที่ต้องการสร้าง (Innovation Type Selection & Creation)
Deep Tech หรือนวัตกรรมที่จะสร้างขึ้นมาควรสอดคล้องกับความคาดหวังของตลาดให้มากที่สุด โดยไม่เป็นการละเมิดสิทธิบัตรของผู้อื่น และสามารถใช้สินทรัพย์สนับสนุนที่สำคัญ (Key Contributing Assets) ภายในองค์กรเพื่อช่วยพัฒนาและผลักดันให้ Deep Tech ที่จะสร้างขึ้นมาใหม่นั้นทำได้จริง หากไม่มี Assets ที่สามารถช่วยสนับสนุน หรือขับเคลื่อนให้องค์กรพัฒนานวัตกรรมดังกล่าวได้ สิ่งที่เราต้องการคงเกิดได้ยาก หรือ ต้องใช้เวลา เงินทุน และทรัพยากรในการพยายามสร้างหรือหา Key Assets เหล่านั้นมาให้ได้ก่อน เพื่อนำไปสนับสนุนการสร้าง Deep Tech ของเราได้ เช่น หากไม่มี Data Scientist การเก็บข้อมูลจากกระบวนการ หรือความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตั้งแต่ต้น หากเราต้องการทำ Personalized Cultured Meat คงเป็นไปได้ยาก เพราะไม่มีทั้ง Data และผู้เชี่ยวชาญในการนำ Data ไปพัฒนาเป็นอัลกอริทึมที่สามารถประเมินความต้องการทางโภชนาการของลูกค้าแต่ละรายได้ เป็นต้น ด
และคำว่า Deep Tech สำหรับผม ไม่จำเป็นต้องเป็นในรูปแบบ “ผลิตภัณฑ์/สินค้า/โซลูชั่นส์ (Product)” ก็ได้ แต่อาจจะเป็นรูปแบบ “บริการ (Service)” “โมเดลธุรกิจ (Business Model)” หรือ “แคมเปญการตลาด (Marketing/Campaign)” ได้ด้วยเช่นกัน ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะมองว่า Deep Tech ต้องเป็น Product Innovation แต่ตามที่
Steve Jobs เคยกล่าวไว้ว่า “เราต้องเริ่มจากประสบการณ์ของลูกค้า และย้อนกลับมาที่เทคโนโลยี ไม่ใช่ทำอย่างหลังก่อน” ซึ่งหมายความว่า เราควรเริ่มจากความคาดหวังของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย (Target Customers) ซึ่งอาจจะไม่ได้ต้องการเทคโนโลยีใหม่ แต่อาจเป็นการได้รับการบริการที่รวดเร็วทันใจจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนั้นก็ได้ ดังนั้น รูปแบบของ Deep Tech ที่ควรเป็น คือ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบสนองประสบการณ์ที่เฉพาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วยนวัตกรรมการบริการ (Service Innovation) โดยเราอาจจะมีการปรับหรือแก้ไขเทคโนโลยีที่ได้จากเอกสารสิทธิบัตรนั้นเล็กน้อยเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการสร้างบริการดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
7. สร้างกลยุทธ์ปกป้องและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา (IP & Innovation Utilization Strategy)
หลังจากขั้นตอน 6 อาจมีการพัฒนารูปแบบของนวัตกรรมหรือ Deep Tech ออกมาบางส่วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพียง Concept หรือ Working Prototype เราควรมีการวางแผนการปกป้องการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรมไว้ด้วยเช่นกัน โดยคุณสามารถใช้ My IP-Innovation Worksheet ในการวางแผนของคุณต่อไปได้ โดยให้ชัดเจนถึงสาระสำคัญของ Deep Tech ที่ได้พัฒนาขึ้น ความใหม่ (Novelty) ของมัน พร้อมรูปประกอบ (ถ้ามี) ประเภทของทรัพย์สินทางปัญญา (IP Protection Type) ที่สามารถขอรับความคุ้มครองได้