OUR BLOG

CI กรุงเทพมหานครไม่ใช่เรื่องใหม่ ส่องเมืองหลวงที่ประสบความสำเร็จจาก City Branding

idg cover content (48)

กระแสร้อนตอนนี้คงหนีไม่พ้นกรุงเทพมหานคร ที่กำลังเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการออกแบบ CI (Corporate Identity) หรืออัตลักษณ์องค์กรใหม่ หลายคนตั้งคำถามถึงความจำเป็น ความคุ้มค่า และประสิทธิภาพของการออกแบบใหม่นี้ บทความนี้มุ่งหวังที่จะนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับความสำคัญและประโยชน์ของการออกแบบ CI ที่ดี จะสามารถช่วยยกระดับ และดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั้งโลกได้อย่างไร

แต่กรุงเทพไม่ใช่เมืองหลวงแรกของโลก ที่พัฒนา CI เป็นของตัวเอง วันนี้เราจะพาดู 4 เมืองหลวงจากทั่วโลกที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการมี CI ประจำเมืองหลายเมืองทั่วโลกได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการนำ CI (Corporate Identity) มาใช้ในการสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและส่งเสริมการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ต่อไปนี้คือบางเมืองที่ประสบความสำเร็จในการมี CI ที่มีประสิทธิภาพ:

I amsterdam อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์

CI Amsterdam

อัมสเตอร์ดัมเป็นตัวอย่างหนึ่งของเมืองที่ใช้ CI อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2004 เมืองนี้ได้เปิดตัวโลโก้ “I amsterdam” ซึ่งประกอบด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ โลโก้นี้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่รู้จักกันทั่วโลกและเป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาด ความสำเร็จของ “I amsterdam” ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ยังช่วยเสริมสร้างความภาคภูมิใจในท้องถิ่นและส่งเสริมธุรกิจในพื้นที่ 

ปัจจุบันแคมเปญ “I amsterdam” ยังคงที่แข็งแรงและมีอิทธิพลสูง ตัวอักษรสีแดงและขาวที่เป็นสัญลักษณ์ ซึ่งเคยตั้งอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์ Rijksmuseum ยังคงเดินทางไปรอบเมืองและปรากฏในงานวัฒนธรรมสำคัญต่าง ๆ แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จในการรักษาและเพิ่มความน่าสนใจของอัมสเตอร์ดัมในฐานะจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว ช่วยเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมและสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับเมือง นอกจากนี้ แคมเปญนี้ยังได้แข็งแกร่งขึ้นอีก เมื่อถูกนำไปผสานรวมกับแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น มีผู้เข้าชมผ่านเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และแม้แต่แอปพลิเคชันมือถืออย่างต่อเนื่อง

I LOVE NY นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา

i love ny
https://www.loc.gov/item/2018700224/

นิวยอร์กเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่โดดเด่น โลโก้ “I ♥ NY” ที่เปิดตัวในปี 1977 โดยนักออกแบบกราฟิก Milton Glaser เป็นหนึ่งในโลโก้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก โลโก้นี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ของความภาคภูมิใจในเมืองและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมท้องถิ่น นิวยอร์กสามารถใช้ CI นี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และในปี 2023 ได้มีการเปิดตัวใหม่อีกครั้งในโลโก้ “We ❤️ NYC” ที่มีการปรับให้ทันสมัยมากขึ้นมีการเป็นจาก ฉัน (I) เป็น เรา (We) รวมถึงเปลี่ยนตัวย่อจาก NY ไปเป็น NYC แทน แต่ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เช่นกันเกี่ยวกับความไม่ลงตัว และมีกลุ่มที่ยังคงชื่นชอบ I ♥ NY มากกว่า

“M” เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย

Melbourne 2
https://www.visualfizz.com/blog/branding-a-city-melbourne-australia/

เมลเบิร์นได้มีการออกแบบ CI ใหม่ในปี 2009 ซึ่งประกอบด้วยโลโก้รูปตัว “M” ที่มีสีสันสดใสและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามบริบท โลโก้นี้สะท้อนถึงความหลากหลายและความมีชีวิตชีวาของเมือง เมลเบิร์นสามารถใช้ CI นี้ในการส่งเสริมเมืองในฐานะศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวที่ทันสมัย ผลลัพธ์ที่ได้คือการเติบโตของการท่องเที่ยวและการยอมรับในระดับสากล

ผลกระทบของการสร้างแบรนด์ใหม่นี้ขยายไปมากกว่าความดึงดูดใจทางสายตา หลังจากการปรับโฉม พบว่าเมลเบิร์นมีการเติบโตทางเศรฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในแง่การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เมลเบิร์นยังยึดมั่นในนวัตกรรมและการออกแบบเป็นองค์ประกอบหลักของการพัฒนาเมือง ริเริ่มโครงการเช่น แคมเปญ “Feel the City” และการเปิดตัวแอปใหม่ที่เปลี่ยนเมลเบิร์นให้เป็น ‘playable city’ ที่จะทำให้ศิลปะและความเป็นจริงผสานเข้าด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดนี้สร้างชื่อเสียงให้เมลเบิร์นเป็นเมืองหลวงแห่งความคิดสร้างสรรค์ของออสเตรเลีย โดยภาพรวมทั้งหมดสะท้อนผ่าน CI และตัว “M” อันโดดเด่น

 

 Be Berlin เบอร์ลิน, เยอรมนี

beberlin
https://berlindissertation.weebly.com/presentation-be-berlin.html

เบอร์ลินมีการนำ CI มาใช้ในการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองผ่านโลโก้ “be Berlin” ซึ่งเปิดตัวในปี 2008 โลโก้นี้สื่อถึงความเปิดกว้างและความคิดสร้างสรรค์ของเบอร์ลิน ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยีของยุโรป การใช้ CI นี้ช่วยเสริมสร้างความภาคภูมิใจในท้องถิ่นและดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยว 

แคมเปญ “be Berlin” ของกรุงเบอร์ลินยังคงดำเนินอยู่และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความโดดเด่นและเชื่อมโยงกับชาวเมืองและนักท่องเที่ยว ปัจจุบันแคมเปญนี้ได้มีการขยายการใช้งานเพื่อครอบคลุมความหลากหลายและนวัตกรรมของเมือง โดยมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เน้นความเป็นมาและวัฒนธรรมของเบอร์ลิน เช่น การฉลองครบรอบ 35 ปีการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลินในปี 2024 ซึ่งรวมถึงการจัดนิทรรศการ งานนำเที่ยว และกิจกรรมเชิงโต้ตอบเพื่อเน้นความสำคัญของเสรีภาพและการเป็นสังคมที่เปิดกว้างและหลากหลาย

นอกจากนี้แคมเปญ “be Berlin” ยังเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและการส่งเสริมพัฒนาเมือง เพื่อดึงดูดนักลงทุน และนักท่องเที่ยวให้มาเยือนเบอร์ลินมากขึ้น และปัจจุบันยังคงมีการใช้สื่อดิจิทัลมากขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์ในระดับโลก

 

นอกจาก 4 เมืองหลวง ที่เรากล่าวถึงแล้ว จริง ๆ อีกหลายประเทศทั่วโลกก็พัฒนา City Branding เช่นกัน รวมไปถึงยังคงมีการพัฒนาควบคู่ไปกับแคมเปญต่าง ๆ เพื่อสร้างแรงดึงดูดจากนักท่องเที่ยว และผู้คนจากทุกสารทิศทั่วโลก 

Screenshot 64
https://www.re-thinkingthefuture.com/city-and-architecture/a2844-five-ways-place-branding-can-revitalize-the-city-development/

บทสรุป

นี่เป็นเพียงเมืองหลวงส่วนหนึ่ง ที่มี City Branding เป็นของตัวเอง จนสามารถสร้างการจดจำไปสู่ผู้คนจากทั่วโลก ดังนั้นการมี CI ที่ดีและมีประสิทธิภาพสามารถนำพาเมืองไปสู่ความสำเร็จได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการจดจำ สื่อถึงคุณค่าและเป้าหมายของเมือง สร้างความน่าเชื่อถือ และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน การมี CI ที่ชัดเจนและน่าสนใจไม่เพียงแต่ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่ แต่ยังเสริมสร้างความภาคภูมิใจและความผูกพันในท้องถิ่น เมืองต่าง ๆ ที่ได้กล่าวถึงนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ CI ในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเมืองไปสู่ความสำเร็จ

CI คืออะไร?

CI ย่อมาจาก Corporate Identity หมายถึง ระบบอัตลักษณ์องค์กรที่รวมองค์ประกอบทางภาพ เช่น โลโก้ สัญลักษณ์ สี ฟอนต์ และรูปแบบการออกแบบ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่สื่อถึงเอกลักษณ์ บุคลิก และคุณค่าขององค์กร ในกรณีของกรุงเทพมหานคร CI ใหม่นี้ ประกอบด้วย โลโก้ “กรุงเทพมหานคร” ฟอนต์ “Bangkok” และระบบสีที่สื่อถึงความหลากหลาย ความมีชีวิตชีวา และความทันสมัย
อ่านเพิ่มเติม: https://idgthailand.com/what-is-corporate-identity-2/

ทำไม CI ถึงสำคัญ?

สร้างการจดจำ: CI ที่ดีช่วยให้ผู้คนจดจำองค์กรได้ง่าย สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจน

สื่อถึงคุณค่า: CI สามารถสื่อถึงคุณค่า ความเชื่อ และเป้าหมายขององค์กร

สร้างความน่าเชื่อถือ: CI ที่ออกแบบอย่างมืออาชีพสร้างความน่าเชื่อถือ

เสริมสร้างความภักดี: CI ที่สื่อถึงอารมณ์สามารถสร้างความผูกพันกับกลุ่มเป้าหมาย

สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน: CI ที่ดีช่วยให้องค์กรโดดเด่นเหนือคู่แข่ง

ความคุ้มค่าและประโยชน์ของการออกแบบ CI

การลงทุนระยะยาว: แม้การออกแบบ CI อาจมีค่าใช้จ่ายในช่วงแรก แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว เพราะ CI ที่ดีสามารถใช้งานได้เป็นเวลานานและช่วยสร้างความมั่นคงให้กับองค์กร

เพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ: การมี CI ที่ดีสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการขององค์กร ทำให้สามารถกำหนดราคาได้สูงขึ้น และดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

สร้างความผูกพันและความภักดี: CI ที่มีเอกลักษณ์และสื่อสารถึงค่านิยมขององค์กรได้ดีจะช่วยสร้างความผูกพันและความภักดีในกลุ่มลูกค้าหรือประชาชน ทำให้พวกเขารู้สึกภูมิใจและอยากสนับสนุนองค์กรต่อไป


หากต้องการให้เราได้มีส่วนร่วมในการพัฒนา CI องค์กรของคุณเพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือ
และเพิ่มมิติเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ มากขึ้น ปรึกษาเราได้ที่

ติดต่อทีมออกแบบ : 02-011-7161 ต่อ 202   

E-mail : [email protected]

Line : @idgthailand

Facebook
Twitter
LinkedIn

บทความล่าสุด

idg cover content (48)

กระแสร้อนตอนนี้คงหนีไม่พ้นกรุงเทพมหานคร ที่กำลังเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการออกแบบ CI (Corporate Identity) หรืออัตลักษณ์องค์กรใหม่ หลายคนตั้งคำถามถึงความจำเป็น ความคุ้มค่า และประสิทธิภาพของการออกแบบใหม่นี้ บทความนี้มุ่งหวังที่จะนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับความสำคัญและประโยชน์ของการออกแบบ CI ที่ดี จะสามารถช่วยยกระดับ และดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั้งโลกได้อย่างไร

แต่กรุงเทพไม่ใช่เมืองหลวงแรกของโลก ที่พัฒนา CI เป็นของตัวเอง วันนี้เราจะพาดู 4 เมืองหลวงจากทั่วโลกที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการมี CI ประจำเมืองหลายเมืองทั่วโลกได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการนำ CI (Corporate Identity) มาใช้ในการสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและส่งเสริมการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ต่อไปนี้คือบางเมืองที่ประสบความสำเร็จในการมี CI ที่มีประสิทธิภาพ:

I amsterdam อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์

CI Amsterdam

อัมสเตอร์ดัมเป็นตัวอย่างหนึ่งของเมืองที่ใช้ CI อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2004 เมืองนี้ได้เปิดตัวโลโก้ “I amsterdam” ซึ่งประกอบด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ โลโก้นี้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่รู้จักกันทั่วโลกและเป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาด ความสำเร็จของ “I amsterdam” ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ยังช่วยเสริมสร้างความภาคภูมิใจในท้องถิ่นและส่งเสริมธุรกิจในพื้นที่ 

ปัจจุบันแคมเปญ “I amsterdam” ยังคงที่แข็งแรงและมีอิทธิพลสูง ตัวอักษรสีแดงและขาวที่เป็นสัญลักษณ์ ซึ่งเคยตั้งอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์ Rijksmuseum ยังคงเดินทางไปรอบเมืองและปรากฏในงานวัฒนธรรมสำคัญต่าง ๆ แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จในการรักษาและเพิ่มความน่าสนใจของอัมสเตอร์ดัมในฐานะจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว ช่วยเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมและสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับเมือง นอกจากนี้ แคมเปญนี้ยังได้แข็งแกร่งขึ้นอีก เมื่อถูกนำไปผสานรวมกับแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น มีผู้เข้าชมผ่านเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และแม้แต่แอปพลิเคชันมือถืออย่างต่อเนื่อง

I LOVE NY นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา

i love ny
https://www.loc.gov/item/2018700224/

นิวยอร์กเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่โดดเด่น โลโก้ “I ♥ NY” ที่เปิดตัวในปี 1977 โดยนักออกแบบกราฟิก Milton Glaser เป็นหนึ่งในโลโก้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก โลโก้นี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ของความภาคภูมิใจในเมืองและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมท้องถิ่น นิวยอร์กสามารถใช้ CI นี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และในปี 2023 ได้มีการเปิดตัวใหม่อีกครั้งในโลโก้ “We ❤️ NYC” ที่มีการปรับให้ทันสมัยมากขึ้นมีการเป็นจาก ฉัน (I) เป็น เรา (We) รวมถึงเปลี่ยนตัวย่อจาก NY ไปเป็น NYC แทน แต่ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เช่นกันเกี่ยวกับความไม่ลงตัว และมีกลุ่มที่ยังคงชื่นชอบ I ♥ NY มากกว่า

“M” เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย

Melbourne 2
https://www.visualfizz.com/blog/branding-a-city-melbourne-australia/

เมลเบิร์นได้มีการออกแบบ CI ใหม่ในปี 2009 ซึ่งประกอบด้วยโลโก้รูปตัว “M” ที่มีสีสันสดใสและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามบริบท โลโก้นี้สะท้อนถึงความหลากหลายและความมีชีวิตชีวาของเมือง เมลเบิร์นสามารถใช้ CI นี้ในการส่งเสริมเมืองในฐานะศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวที่ทันสมัย ผลลัพธ์ที่ได้คือการเติบโตของการท่องเที่ยวและการยอมรับในระดับสากล

ผลกระทบของการสร้างแบรนด์ใหม่นี้ขยายไปมากกว่าความดึงดูดใจทางสายตา หลังจากการปรับโฉม พบว่าเมลเบิร์นมีการเติบโตทางเศรฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในแง่การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เมลเบิร์นยังยึดมั่นในนวัตกรรมและการออกแบบเป็นองค์ประกอบหลักของการพัฒนาเมือง ริเริ่มโครงการเช่น แคมเปญ “Feel the City” และการเปิดตัวแอปใหม่ที่เปลี่ยนเมลเบิร์นให้เป็น ‘playable city’ ที่จะทำให้ศิลปะและความเป็นจริงผสานเข้าด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดนี้สร้างชื่อเสียงให้เมลเบิร์นเป็นเมืองหลวงแห่งความคิดสร้างสรรค์ของออสเตรเลีย โดยภาพรวมทั้งหมดสะท้อนผ่าน CI และตัว “M” อันโดดเด่น

 

 Be Berlin เบอร์ลิน, เยอรมนี

beberlin
https://berlindissertation.weebly.com/presentation-be-berlin.html

เบอร์ลินมีการนำ CI มาใช้ในการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองผ่านโลโก้ “be Berlin” ซึ่งเปิดตัวในปี 2008 โลโก้นี้สื่อถึงความเปิดกว้างและความคิดสร้างสรรค์ของเบอร์ลิน ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยีของยุโรป การใช้ CI นี้ช่วยเสริมสร้างความภาคภูมิใจในท้องถิ่นและดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยว 

แคมเปญ “be Berlin” ของกรุงเบอร์ลินยังคงดำเนินอยู่และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความโดดเด่นและเชื่อมโยงกับชาวเมืองและนักท่องเที่ยว ปัจจุบันแคมเปญนี้ได้มีการขยายการใช้งานเพื่อครอบคลุมความหลากหลายและนวัตกรรมของเมือง โดยมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เน้นความเป็นมาและวัฒนธรรมของเบอร์ลิน เช่น การฉลองครบรอบ 35 ปีการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลินในปี 2024 ซึ่งรวมถึงการจัดนิทรรศการ งานนำเที่ยว และกิจกรรมเชิงโต้ตอบเพื่อเน้นความสำคัญของเสรีภาพและการเป็นสังคมที่เปิดกว้างและหลากหลาย

นอกจากนี้แคมเปญ “be Berlin” ยังเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและการส่งเสริมพัฒนาเมือง เพื่อดึงดูดนักลงทุน และนักท่องเที่ยวให้มาเยือนเบอร์ลินมากขึ้น และปัจจุบันยังคงมีการใช้สื่อดิจิทัลมากขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์ในระดับโลก

 

นอกจาก 4 เมืองหลวง ที่เรากล่าวถึงแล้ว จริง ๆ อีกหลายประเทศทั่วโลกก็พัฒนา City Branding เช่นกัน รวมไปถึงยังคงมีการพัฒนาควบคู่ไปกับแคมเปญต่าง ๆ เพื่อสร้างแรงดึงดูดจากนักท่องเที่ยว และผู้คนจากทุกสารทิศทั่วโลก 

Screenshot 64
https://www.re-thinkingthefuture.com/city-and-architecture/a2844-five-ways-place-branding-can-revitalize-the-city-development/

บทสรุป

นี่เป็นเพียงเมืองหลวงส่วนหนึ่ง ที่มี City Branding เป็นของตัวเอง จนสามารถสร้างการจดจำไปสู่ผู้คนจากทั่วโลก ดังนั้นการมี CI ที่ดีและมีประสิทธิภาพสามารถนำพาเมืองไปสู่ความสำเร็จได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการจดจำ สื่อถึงคุณค่าและเป้าหมายของเมือง สร้างความน่าเชื่อถือ และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน การมี CI ที่ชัดเจนและน่าสนใจไม่เพียงแต่ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่ แต่ยังเสริมสร้างความภาคภูมิใจและความผูกพันในท้องถิ่น เมืองต่าง ๆ ที่ได้กล่าวถึงนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ CI ในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเมืองไปสู่ความสำเร็จ

CI คืออะไร?

CI ย่อมาจาก Corporate Identity หมายถึง ระบบอัตลักษณ์องค์กรที่รวมองค์ประกอบทางภาพ เช่น โลโก้ สัญลักษณ์ สี ฟอนต์ และรูปแบบการออกแบบ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่สื่อถึงเอกลักษณ์ บุคลิก และคุณค่าขององค์กร ในกรณีของกรุงเทพมหานคร CI ใหม่นี้ ประกอบด้วย โลโก้ “กรุงเทพมหานคร” ฟอนต์ “Bangkok” และระบบสีที่สื่อถึงความหลากหลาย ความมีชีวิตชีวา และความทันสมัย
อ่านเพิ่มเติม: https://idgthailand.com/what-is-corporate-identity-2/

ทำไม CI ถึงสำคัญ?

สร้างการจดจำ: CI ที่ดีช่วยให้ผู้คนจดจำองค์กรได้ง่าย สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจน

สื่อถึงคุณค่า: CI สามารถสื่อถึงคุณค่า ความเชื่อ และเป้าหมายขององค์กร

สร้างความน่าเชื่อถือ: CI ที่ออกแบบอย่างมืออาชีพสร้างความน่าเชื่อถือ

เสริมสร้างความภักดี: CI ที่สื่อถึงอารมณ์สามารถสร้างความผูกพันกับกลุ่มเป้าหมาย

สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน: CI ที่ดีช่วยให้องค์กรโดดเด่นเหนือคู่แข่ง

ความคุ้มค่าและประโยชน์ของการออกแบบ CI

การลงทุนระยะยาว: แม้การออกแบบ CI อาจมีค่าใช้จ่ายในช่วงแรก แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว เพราะ CI ที่ดีสามารถใช้งานได้เป็นเวลานานและช่วยสร้างความมั่นคงให้กับองค์กร

เพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ: การมี CI ที่ดีสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการขององค์กร ทำให้สามารถกำหนดราคาได้สูงขึ้น และดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

สร้างความผูกพันและความภักดี: CI ที่มีเอกลักษณ์และสื่อสารถึงค่านิยมขององค์กรได้ดีจะช่วยสร้างความผูกพันและความภักดีในกลุ่มลูกค้าหรือประชาชน ทำให้พวกเขารู้สึกภูมิใจและอยากสนับสนุนองค์กรต่อไป


หากต้องการให้เราได้มีส่วนร่วมในการพัฒนา CI องค์กรของคุณเพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือ
และเพิ่มมิติเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ มากขึ้น ปรึกษาเราได้ที่

ติดต่อทีมออกแบบ : 02-011-7161 ต่อ 202   

E-mail : [email protected]

Line : @idgthailand

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ IDG

ผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำแนะนำคุณอย่างเต็มที่

ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญ