OUR BLOG

เทคนิคตั้งชื่อแบรนด์ให้ปัง จดจำง่าย สร้างภาพลักษณ์ธุรกิจ

การตั้งชื่อแบรนด์เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญในกระบวนการสร้างและพัฒนาธุรกิจ เนื่องจากเป็นหนึ่งในองค์ประกอบแรกที่ลูกค้าจะได้สัมผัสและจดจำ ชื่อแบรนด์ที่ดีนั้นสามารถสื่อถึงตัวตน และอัตลักษณ์ของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งสามารถสร้างความโดดเด่นให้แบรนด์ท่ามกลางคู่แข่งในตลาดได้เช่นกัน ในบทความนี้ IDG จะนำเสนอวิธีการตั้งชื่อแบรนด์ พร้อมทั้งเทคนิคในการสร้างชื่อแบรนด์ให้เป็นที่จดจำและประทับใจต่อผู้บริโภค และไอเดียการตั้งชื่อแบรนด์ในรูปแบบต่างๆ

วิธีตั้งชื่อแบรนด์

การตั้งชื่อแบรนด์สามารถเริ่มต้นได้โดยวิธีการ ดังนี้

1. กำหนดค่านิยมและอัตลักษณ์ของแบรนด์

เริ่มคิดชื่อแบรนด์ด้วยการทำความเข้าใจเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของแบรนด์อย่างลึกซึ้ง ค้นหาว่าธุรกิจของคุณมีจุดยืนอย่างไร มีค่านิยมหลักอะไร และมีจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร แล้วลองลิสต์คำที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ออกมา เช่น รวดเร็ว ปลอดภัย เรียบง่าย และทรงพลัง เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการคิดชื่อแบรนด์

2. รู้จักกลุ่มเป้าหมาย

การทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ช่วยให้คุณเลือกใช้ภาษาและสร้างชื่อที่สอดคล้องกับความชอบของกลุ่มลูกค้าได้ โดยควรคำนึงว่ากลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน เช่น วัย รายได้ หรือภูมิหลังทางวัฒนธรรม อาจมีความชื่นชอบและตอบสนองต่อชื่อแบรนด์ที่แตกต่างกันไป

3. Brainstorm

ระดมความคิดเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ควรคิดและเสนอไอเดียชื่อแบรนด์ ผ่านเทคนิคต่างๆ เพื่อดูว่าชื่อไหนที่ถูกใจและตอบโจทย์ที่สุด

4.ตรวจสอบความพร้อมใช้งานของชื่อแบรนด์

หลังจากได้รายชื่อแบรนด์ที่น่าสนใจแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การตรวจสอบความพร้อมในการใช้งานของชื่อเหล่านั้น โดยสามารถตรวจสอบได้ดังนี้

4.1. ตรวจสอบผ่านฐานข้อมูลเครื่องหมายการค้า

ใช้ฐานข้อมูลของกรมทรัพย์สินทางปัญญาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบว่ามีเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้วหรือมีคำขอยื่นไว้ก่อนหน้าหรือไม่ การทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันการใช้ชื่อซ้ำจนนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายในอนาคตได้

4.2. ค้นหาด้วย Keyword

ใช้เครื่องมือค้นหาออนไลน์อย่าง Google และโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อตรวจสอบว่ามีการใช้ชื่อที่คุณต้องการในธุรกิจหรือไม่ โดยลองค้นหาด้วยคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกอบการค้นหา

หากผ่านการตรวจสอบทั้งสองขั้นตอนแล้วไม่พบปัญหา ก็ควรเตรียมการจดทะเบียนชื่อแบรนด์ของคุณต่อไป เพื่อปกป้องสิทธิ์และป้องกันไม่ให้ผู้อื่นนำไปใช้

5. ทดลองใช้ชื่อแบรนด์

หลังจากได้ชื่อแบรนด์ที่น่าสนใจแล้วควรทดลองใช้ชื่อในสถานการณ์จริง นำเสนอชื่อแบรนด์ให้กับกลุ่มตัวอย่าง หรือคนรอบข้าง เพื่อรับฟังความคิดเห็น สังเกตว่าชื่อนั้นสามารถสื่อสารคุณค่าของแบรนด์ได้ดีหรือไม่ มีความเข้าใจผิดหรือการตีความที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นหรือเปล่า

6. นำชื่อแบรนด์ไปใช้

เมื่อได้ชื่อแบรนด์ที่สมบูรณ์แล้ว ลองรวมชื่อแบรนด์เข้ากับทุกด้านของธุรกิจ ตั้งแต่การออกแบบเว็บไซต์ การสร้างโลโก้ การเลือกโทนสี ไปจนถึงการกำหนดสโลแกนและกลยุทธ์

เทคนิคการตั้งชื่อแบรนด์ให้มีประสิทธิภาพ

การตั้งชื่อแบรนด์ให้มีประสิทธิภาพสามารถเริ่มต้นได้ดังนี้

1. สร้างความน่าจดจำ

การสร้างชื่อให้น่าจดจำมีเทคนิคที่หลากหลาย หนึ่งในวิธีที่ได้ผลดีคือการใช้เทคนิคทางภาษา เช่น การเล่นคำ การใช้คำที่มีเสียงคล้องจอง การซ้ำเสียง หรือการสร้างสัมผัสคล้องจอง เช่น Coca-cola

2. กระตุ้นอารมณ์และความรู้สึก

การเลือกชื่อที่สามารถสร้างความรู้สึกและกระตุ้นอารมณ์เชิงบวกให้กับลูกค้าเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ ชื่อที่ดีควรสามารถเชื่อมโยงกับอัตลักษณ์ของแบรนด์และสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับผู้บริโภค

3. สะกดและออกเสียงง่าย

ชื่อแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพควรสื่อสารได้ง่ายทั้งในแง่ของการพูดและการเขียน หลีกเลี่ยงชื่อที่มีความซับซ้อนหรือออกเสียงยาก เพราะอาจทำให้ลูกค้าเกิดความสับสนหรือจดจำได้ยากขึ้น

4. หลีกเลี่ยงการตามกระแส

การเลือกชื่อแบรนด์ไม่ควรยึดติดกับเทรนด์หรือกระแสที่อาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ควรเลือกคำที่มีความหมายและสื่อถึงคุณค่าของแบรนด์ได้ระยะยาว

5.คำนึงถึงการนำไปใช้กับโลโก้และการออกแบบ

เมื่อตั้งชื่อแบรนด์ควรมีความยืดหยุ่น สามารถนำไปใช้ออกแบบโลโก้และองค์ประกอบทางภาพอื่นๆ เพื่อใช้งานได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์

ไอเดียการตั้งชื่อแบรนด์

การตั้งชื่อแบรนด์มีหลากหลายรูปแบบ แต่ละแบบมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ตัวอย่างการตั้งชื่อแบรนด์ เช่น

1. ชื่อแบรนด์ที่คิดขึ้นใหม่

ชื่อแบรนด์ที่สร้างคำใหม่ที่ไม่มีในพจนานุกรมขึ้นมา มีอิสระในการสร้างสรรค์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น Kodak, Google และ Pixar

2. ชื่อแบรนด์เชิงบรรยาย

การตั้งชื่อแบรนด์สินค้าที่บอกชัดเจนว่าเกี่ยวกับอะไร ทำให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่าย แต่อาจจำกัดการขยายธุรกิจในอนาคต และอาจยากในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าหากชื่อเป็นคำที่ใช้ทั่วไปมากเกินไป ตัวอย่างแบรนด์ เช่น Toys R Us, Hotels.com และ The Body Shop

3. ชื่อแบรนด์เชิงอุปมาอุปไมย

การตั้งชื่อแบรนด์สินค้าที่ใช้การเปรียบเทียบ หรืออ้างเป็นนัยให้ตีความ เพื่อสื่อถึงจุดยืนหรืออัตลักษณ์ของแบรนด์ มีส่วนช่วยในการเล่าเรื่องราวของแบรนด์ได้ดี ตัวอย่างเช่น Nike ที่ตั้งตามชื่อเทพีแห่งชัยชนะในตำนานกรีก

4. ชื่อแบรนด์เชิงการเล่นคำ

ใช้เทคนิคทางภาษา เช่น คำผวน วลี คำประสม คำเล่นเสียง หรือสะกดผิดตั้งใจ เพื่อสร้างลูกเล่นให้ชื่อแบรนด์น่าสนใจขึ้น เช่น Dunkin’ Donuts, Krispy Kreme และ Froot Loops

5. ชื่อแบรนด์แบบตัวย่อ

การตั้งชื่อแบรนด์ที่ใช้ตัวอักษรย่อแทนชื่อเต็ม เป็นรูปแบบที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ได้ เช่น BMW, BBC และ H&M

6. ชื่อแบรนด์เชิงภูมิศาสตร์

การตั้งชื่อแบรนด์ที่เชื่อมโยงกับสถานที่หรือภูมิภาคเอาไว้ ซึ่งสามารถสื่อถึงวัฒนธรรม ที่มา หรือขอบเขตของธุรกิจได้ดี เช่น American Airlines, Hawaiian Punch และ New York Life

7. ชื่อแบรนด์ตามชื่อผู้ก่อตั้ง

การตั้งชื่อแบรนด์ตามชื่อของผู้สร้างธุรกิจ มักจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้ง่าย และสามารถใช้ชื่อเสียงส่วนตัวของเจ้าของชื่อช่วยได้ เช่น Ben & Jerry’s, Calvin Klein และ Ralph Lauren

การตั้งชื่อแบรนด์เป็นกระบวนการสำคัญที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ ชื่อที่ดีไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างการจดจำ แต่ยังสามารถสื่อถึงคุณค่าและเอกลักษณ์ของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาถึงประเด็นลิขสิทธิ์ด้วยเช่นกัน ระมัดระวังการตั้งชื่อแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับงานที่มีลิขสิทธิ์อยู่ก่อนแล้ว รวมถึงต้องตรวจสอบความพร้อมในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าอย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถสร้างชื่อแบรนด์ที่แข็งแกร่งและพร้อมเติบโตไปกับธุรกิจของคุณในระยะยาว

IDG มีบริการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า โดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่จะให้คำแนะนำและดูแลกระบวนการจดทะเบียนอย่างครบวงจร เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงมีบริการออกแบบแบรนดิ้ง โลโก้ และอื่นๆ อีกมากมายอย่างครบครัน

IDG บริษัทรับออกแบบ พร้อมบริการด้านทรัพย์สินทางปัญญาครบวงจร

เรา คือ บริษัทให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับองค์กรแบบครบวงจร เราให้บริการ ออกแบบโลโก้ ออกแบบ CI ออกแบบโปรไฟล์บริษัท บริการออกแบบวางแผน Content Marketing ออกแบบสื่อดิจิทัล และอื่น ๆ มากมาย ดำเนินงานโดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์สูง นอกจากนี้ IDG ให้บริการด้านทรัพย์สินทางปัญญาอย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งการให้คำปรึกษา วางกลยุทธ์ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า จดสิทธิบัตร รวมถึงให้บริการดำเนินงานด้านการซื้อขายเทคโนโลยีหรือ IP เรามีความพร้อมในการดูแลลูกค้าตั้งแต่กระบวนการแรกไปจนถึงการติดตามผล เพื่อให้มั่นใจว่าทรัพย์สินทางปัญญาของคุณได้รับการปกป้องและใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่