OUR BLOG

เทคนิคการคิดชื่อ Brand เครื่องสำอาง

เทคนิคการคิดชื่อ BRAND เครื่องสำอาง

“แพรวนภา” ผู้ประกอบการมือใหม่ ได้มีความคิดที่จะเปิดบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องสำอาง ระหว่างที่ศึกษาและเตรียมการในปี พ.ศ.2556 แพรวนภาจึงได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า Bhes/€jiya กับสินค้ากลุ่มเครื่องเครื่องสำอาง

หลังจากได้รับหนังสือสำคัญการจดทะเบียน เครื่องหมายการค้า ในปี พ.ศ. 2558 แพรวนภา และเพื่อนๆ ก็ร่วมกันจัดตั้งโรงงานผลิตเครื่องสำอาง และจัดทำการออกแบบบรรจุภัณฑ์  Bhes/€jiya  ทันที และมาถึงขั้นตอนสำคัญ คือ การจดทะเบียนผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่อทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ปรากฎว่าทาง อย. ไม่รับจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางภายใต้ Brand “Bhes/€jiya  ”

ก่อนวิเคราะห์เคสนี้ ในเบื้องต้นผมขอเกริ่นเรื่อง Concept ของกฎหมายธุรกิจ ที่จำส่งผลต่อการสร้างแบรนด์ของเราครับ

กฎหมายจะส่งผลต่อธุรกิจใน 3 รูปแบบ

  1. กฎหมายส่งเสริมธุรกิจ – เช่น เมื่อมีกฎหมายแล้ว จึงเกิดธุรกิจที่ปรับตัวให้เข้ากับกฎหมาย เช่น กฎหมายให้สัมปทานสิทธิต่างๆ กฎหมายส่งเสริมการลงทุน
  2. กฎหมายกีดกันธุรกิจ – เช่น ธุรกิจบ่อนการพนันนั้น อาจมีใบอนุญาตที่ถูกกฎหมายในต่างประเทศ แต่ประเทศไทยยังกีดกันธุรกิจการพนันอยู่
  3. กฎหมายควบคุมธุรกิจ – ธุรกิจบางประเภทกฎหมายอนุญาตให้ทำได้ ภายใต้กรอบที่กฎหมายกำหนด

กฎหมายเครื่องหมายการค้าเป็นกฎหมายที่ “ให้สิทธิ” เจ้าของเครื่องหมายการค้า แต่เพียงผู้เดียวในการแสวงหาประโยชน์จากเครื่องหมายการค้านั้น

ในขณะเดียวกัน กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค และ กฎหมายเครื่องสำอาง และกฎหมายยา ก็เป็นกฎหมายที่ออกมาควบคุมตัวผลิตภัณฑ์ครับ ดังนั้นลองมาทำความเข้าใจกลักเกณฑ์กันก่อน เพื่อความสะดวกราบรื่นในการประกอบธุรกิจครับ

หลักเกณฑ์ การตั้งชื่อเครื่องสำอาง /ชื่อทางการค้า / ตรา / เครื่องหมายการค้า

  • ต้องไม่ใช้ชื่อไปในทำนองโอ้อวด ไม่สุภาพ หรือ อาจทำให้เข้าใจผิดจากความจริง
  • ต้องไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
  • ต้องไม่ใช้ชื่อที่ไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมอันดีงามของไทย หรือส่อไปในทางทำลายคุณค่าทางภาษาไทย
พระราชบัญญัติ เครื่องสำอาง 2535พระราชบัญญัติ ยา 2510
“เครื่องสำอาง” หมายความว่า
(1) วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใด ต่อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายเพื่อความ สะอาด ความสวยงาม หรือส่งเสริมให้เกิดความสวยงามและรวม ตลอดทั้งเครื่องประทินผิวต่าง ๆ ด้วย 
“ยาใช้ภายนอก” หมายความว่า ยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณที่มุ่งหมายสำหรับใช้ภายนอก ทั้งนี้ ไม่รวมถึงยาใช้เฉพาะที่“ยาใช้เฉพาะที่” หมายความว่า ยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณที่มุ่งหมายใช้เฉพาะที่กับหู ตา จมูก ปาก ทวารหนัก ช่องคลอดหรือท่อปัสสาวะ

ส่วนนี้จะมีการเข้าใจผิดกันมากครับ ทำให้ไม่ผ่านการจดทะเบียนกับทาง อย. เช่นกรณีของแพรวนภา

Bhes/€jiya  นั้นอ่านเข้าใจได้ว่ามาจากคำว่า Bhesajiya  ซึ่งอ่านหรือเข้าใจได้ว่า “เภสัชยา”

“เนื่องจาก เครื่องสำอางไม่ใช่ยา   จึงไม่สามารถใช้ชื่อที่ทำให้เข้าใจว่ามีคุณลักษณะเป็นยา ซึ่งมีไว้เพื่อรักษาโรคได้”

image1

Kera ชื่อยาที่ใช้รักษาอาการคัน
Veda มาจากเวช ซึ่งแปลว่าการแพทย์

คำว่า Veda หรือเวช ในสลากบรรจุภัณฑ์นั้น มีความหมายว่าการแพทย์นั้น ก็ก่อให้เกิดเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง

นอกจากนี้ ยังมีหลักเกณฑ์อื่นๆ อีก เช่น

หลักเกณฑ์การใช้ชื่อสารเป็นชื่อเครื่องสำอาง  หรือเป็นส่วนของชื่อเครื่องสำอาง

  • ต้องมีสารดังกล่าวเป็นส่วนผสมในปริมาณที่เพียงพอ (มีปริมาณตามที่กำหนดไว้ในเอกสารทางวิชาการที่เชื่อถือได้ ตามแนวทางในการแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์  หรือ สนับสนุนข้อความที่แสดงไว้บนฉลากเครื่องสำอาง)
  • ต้องระบุชื่อสารนั้นไว้ที่ฉลากว่า เป็นส่วนประกอบสำคัญ

ตัวอย่าง  Dermal e

image2

Dermal แปลว่าผิวหนัง
e หมายถึงวิตามินอี ซึ่งมีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนัง  

หลักเกณฑ์การใช้สรรพคุณเป็นชื่อเครื่องสำอาง

  • ต้องมีสารที่มีสรรพคุณตามที่กล่าวอ้าง และมีปริมาณที่เพียงพอ (มีปริมาณตามที่กำหนดไว้ในเอกสารทางวิชาการที่เชื่อถือได้  ตามแนวทางในการแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ หรือสนับสนุนข้อความที่แสดงไว้บนฉลากเครื่องสำอาง)
  • ต้องระบุชื่อสารที่มีสรรพคุณตามที่กล่าวอ้างนั้นไว้ที่ฉลากว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญ

หลักเกณฑ์การกล่าวอ้างชื่อสารว่าเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์

  • ต้องมีสารดังกล่าวเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์นั้นจริง
  • ต้องระบุชื่อสารนั้นไว้ที่ฉลากเครื่องสำอางว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญ
  • หากมีการกล่าวอ้างสรรพคุณของสารด้วย จะต้องมีสารดังกล่าวเป็นส่วนผสมในปริมาณที่เพียงพอแก่การกล่าวอ้างสรรพคุณ  และจะต้องพิสูจน์ได้ตามแนวทางในการแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์  หรือสนับสนุนข้อความที่แสดงไว้บนฉลากเครื่องสำอาง

หลักเกณฑ์ รูปภาพ

  • ต้องไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
  • ต้องไม่ขัดกับวัฒนธรรมอันดีงามของไทย

หลักเกณฑ์ การแสดงสรรพคุณ

  • ต้องแสดงสรรพคุณภายใต้นิยามของคำว่า” เครื่องสำอาง” ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2535
  • ต้องไม่เป็นเท็จหรือเกินความจริง
  • ต้องไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง

การแสดงฉลากเครื่องสำอางไม่ถูกต้องนั้นจะมีโทษในทางอาญาคือจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับครับ

Share this article

Facebook
Twitter
LinkedIn

ปรึกษา IDG

ผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำแนะนำคุณ

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญ