คู่มือสิทธิบัตรไทย: เข้าใจง่าย ครบ จบในที่เดียว
ไขทุกข้อสงสัยเรื่องสิทธิบัตร แบบเข้าใจง่าย
ℹ️ภาพรวมสิทธิบัตร
ส่วนนี้จะให้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับสิทธิบัตรว่าคืออะไร มีกี่ประเภท และแตกต่างจากทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ อย่างไร รวมถึงชี้แจงความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับ "สิทธิบัตรทอง" เพื่อให้คุณเริ่มต้นทำความเข้าใจเรื่องสิทธิบัตรได้อย่างถูกต้อง
สิทธิบัตรคืออะไร? และประเภทของสิทธิบัตรในประเทศไทย
สิทธิบัตรคือหนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ (Invention) หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Industrial Design) ที่มีลักษณะตามที่กฎหมายกำหนด การจดสิทธิบัตรเป็นการเปลี่ยนสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ เช่น แนวคิด ให้กลายเป็นสิทธิที่จับต้องได้และเป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของผู้จดทะเบียนในระยะเวลาที่จำกัด
ในประเทศไทย สิทธิบัตรแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก:
- สิทธิบัตรการประดิษฐ์ (Invention Patent): คุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ที่มีความซับซ้อน ครอบคลุมลักษณะองค์ประกอบ โครงสร้าง กลไก หรือกรรมวิธีในการผลิต การรักษา หรือปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ต้องเป็นสิ่งใหม่ มีขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น และประยุกต์ใช้ในทางอุตสาหกรรมได้
- อนุสิทธิบัตร (Petty Patent): คุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ที่มีการปรับปรุงเพียงเล็กน้อย ไม่ซับซ้อน หรือเพิ่มประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องมี "ขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น"
- สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Design Patent): คุ้มครองความคิดสร้างสรรค์ที่เกี่ยวกับรูปร่าง ลักษณะภายนอก ลวดลาย หรือสีของผลิตภัณฑ์ เน้นความสวยงามหรือรูปลักษณ์ภายนอก
ตารางเปรียบเทียบ: ประเภทของสิทธิบัตรในประเทศไทย
คุณสมบัติ | สิทธิบัตรการประดิษฐ์ | อนุสิทธิบัตร | สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ |
---|---|---|---|
คำนิยาม/ขอบเขต | สิ่งประดิษฐ์ซับซ้อน, องค์ประกอบ, โครงสร้าง, กลไก, กรรมวิธีผลิต/ปรับปรุงคุณภาพ | สิ่งประดิษฐ์ปรับปรุงเล็กน้อย, ไม่ซับซับซ้อน, เพิ่มประโยชน์ใช้สอย | รูปร่าง, ลักษณะภายนอก, ลวดลาย, สีของผลิตภัณฑ์ (เน้นความสวยงาม) |
เงื่อนไขสำคัญ | 1. ใหม่ (ทั่วโลก) 2. ขั้นการประดิษฐ์สูงขึ้น 3. ประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม |
1. ใหม่ (ทั่วโลก) 2. ประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม *(ไม่มีขั้นการประดิษฐ์สูงขึ้น)* |
1. ใหม่ (ทั่วโลก) 2. ประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม/หัตถกรรม |
ระยะเวลาคุ้มครอง | 20 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ | 6 ปี, ต่ออายุได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ปี (รวมสูงสุด 10 ปี) | 10 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ |
ข้อดี/ข้อเสีย | ข้อดี: คุ้มครองยาวนาน, ได้รับการยอมรับทั่วโลกมากกว่า ข้อเสีย: พิจารณานาน, ซับซ้อน |
ข้อดี: คำขอไม่ซับซ้อน, พิจารณาเร็วกว่า ข้อเสีย: คุ้มครองสั้นกว่า, ไม่คุ้มครองฟังก์ชัน |
ข้อดี: คำขอไม่ซับซ้อน ข้อเสีย: ไม่คุ้มครองฟังก์ชัน, แก้ไขดีไซน์เล็กน้อยอาจเป็นงานใหม่ |
ความแตกต่างระหว่างสิทธิบัตรกับทรัพย์สินทางปัญญาประเภทอื่น
ผู้คนมักสับสนระหว่างสิทธิบัตรกับทรัพย์สินทางปัญญาประเภทอื่นๆ การทำความเข้าใจความแตกต่างเป็นสิ่งสำคัญ:
- สิทธิบัตร vs. ลิขสิทธิ์: สิทธิบัตรคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์/การออกแบบ (ต้องจดทะเบียน) ลิขสิทธิ์คุ้มครองงานสร้างสรรค์ทางศิลปะ/วรรณกรรม (เกิดขึ้นอัตโนมัติ)
- สิทธิบัตร vs. เครื่องหมายการค้า: สิทธิบัตรคุ้มครองนวัตกรรมทางเทคนิค/การออกแบบ เครื่องหมายการค้าคุ้มครองชื่อ/โลโก้ที่ใช้ระบุแหล่งที่มาของสินค้า/บริการ
ตารางเปรียบเทียบ: ทรัพย์สินทางปัญญาที่พบบ่อย
ประเภททรัพย์สินทางปัญญา | คำนิยาม/ขอบเขต | ระยะเวลาคุ้มครอง | ข้อกำหนดการจดทะเบียน |
---|---|---|---|
สิทธิบัตรการประดิษฐ์ | สิ่งประดิษฐ์ซับซ้อน, กรรมวิธี | 20 ปี (วันยื่น) | จำเป็น |
อนุสิทธิบัตร | สิ่งประดิษฐ์ปรับปรุงเล็กน้อย | 6 ปี + ต่ออายุได้ (สูงสุด 10 ปี) | จำเป็น |
สิทธิบัตรการออกแบบ | รูปร่าง, ลักษณะภายนอก (สวยงาม) | 10 ปี (วันยื่น) | จำเป็น |
ลิขสิทธิ์ | งานวรรณกรรม, ศิลปกรรม, โปรแกรมคอมพิวเตอร์ | ตลอดชีวิตผู้สร้าง + 50 ปี (หรือ 50 ปีสำหรับนิติบุคคล) | ไม่จำเป็น (เกิดขึ้นทันที) |
เครื่องหมายการค้า | ชื่อ, โลโก้, สัญลักษณ์สินค้า/บริการ | 10 ปี, ต่ออายุได้ทุก 10 ปี | จำเป็น |
ความลับทางการค้า | ข้อมูลการค้าที่เป็นความลับ, มีประโยชน์เชิงพาณิชย์ | ไม่มีกำหนด (ตราบเท่าที่เป็นความลับ) | ไม่จำเป็น |
⚠️ข้อควรระวัง: "สิทธิบัตร" กับ "สิทธิบัตรทอง"
เป็นประเด็นที่คนไทยมักสับสน! "สิทธิบัตรทอง" หรือ "สิทธิบัตรประกันสุขภาพ" หมายถึง "สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า" (บัตรทอง 30 บาท) ซึ่งเป็นสิทธิการรักษาพยาบาล ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับ "สิทธิบัตร" ที่คุ้มครองสิ่งประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ การเข้าใจความแตกต่างนี้สำคัญมากเพื่อไม่ให้สับสนในการค้นหาข้อมูล
💡ประโยชน์และเงื่อนไขของการจดสิทธิบัตร
ส่วนนี้จะอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมการจดสิทธิบัตรจึงมีความสำคัญต่อธุรกิจและนักประดิษฐ์ รวมถึงเงื่อนไขที่จำเป็นในการขอรับความคุ้มครอง และสิ่งใดบ้างที่ไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้ พร้อมกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
ทำไมจึงควรขอรับสิทธิบัตร?
- การคุ้มครองสิทธิเด็ดขาด: มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการผลิต ใช้ ขาย หรือนำเข้า
- สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน: รักษาสถานะทางการตลาด
- ผลตอบแทนจากการลงทุน R&D: เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์
- เครื่องมือทางธุรกิจ: ซื้อขายหรืออนุญาตให้ใช้สิทธิได้, ป้องกันการลอกเลียน
- เพิ่มมูลค่าธุรกิจ: เพิ่มความน่าเชื่อถือและมูลค่าบริษัท
- ส่งเสริมการขยายธุรกิจ: ดึงดูดนักลงทุน
- ให้รางวัลแก่ผู้ประดิษฐ์: เป็นแรงจูงใจในการสร้างสรรค์
- ส่งเสริมวัฒนธรรมนวัตกรรม: กระตุ้นการลงทุนในสิ่งใหม่ๆ
หลักการสำคัญ: "ใครยื่นก่อนได้ก่อน" (First to File) หากไม่รีบยื่นคำขอ ผู้อื่นอาจนำแนวคิดไปจดสิทธิบัตรก่อนได้ และการเปิดเผยผลงานสู่สาธารณะก่อนยื่นคำขอ อาจทำให้สิ่งประดิษฐ์สูญเสีย "ความใหม่" และไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้ (มีข้อยกเว้นระยะเวลาผ่อนผัน 12 เดือนในบางกรณี)
เงื่อนไขสำคัญในการขอรับสิทธิบัตร
- ความใหม่ (Novelty): ต้องเป็นสิ่งใหม่ ไม่เคยเปิดเผยสาระสำคัญมาก่อนวันยื่นคำขอ (มีข้อยกเว้นระยะผ่อนผัน 12 เดือนในบางกรณี)
- ขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น (Inventive Step) (สำหรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์เท่านั้น): มีการพัฒนาที่ชัดเจนเหนือสิ่งที่มีอยู่เดิม ผู้เชี่ยวชาญคาดเดาไม่ได้
- การประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม (Industrial Applicability): สามารถนำไปผลิตซ้ำได้ในทางอุตสาหกรรมหรือหัตถกรรม และมีประโยชน์
สิ่งที่ไม่สามารถขอรับสิทธิบัตรได้
- จุลชีพและส่วนประกอบตามธรรมชาติของจุลชีพ, สัตว์, พืช, หรือสารสกัด (แต่กรรมวิธีการสกัดจดได้)
- กฎเกณฑ์และทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
- ระเบียบข้อมูลหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยทั่วไป (แต่ถ้าควบคุมฮาร์ดแวร์ อาจจดได้ในระบบ)
- วิธีการวินิจฉัย บำบัด หรือรักษาโรคมนุษย์หรือสัตว์ (แต่วิธีการเสริมความงามจดได้)
- สิ่งประดิษฐ์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดี (เช่น อาวุธสงคราม)
การตีความกฎหมายสิทธิบัตรมีความละเอียดอ่อน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเป็นไปได้
กรณีศึกษา: การจดสิทธิบัตรสูตรอาหาร
การจดสิทธิบัตรสูตรอาหารต้องเปิดเผยสูตรอย่างละเอียด (ส่วนประกอบ, สัดส่วน, กรรมวิธี) และคุ้มครองเฉพาะสิ่งที่เปิดเผย ไม่ใช่ประเภทอาหารโดยรวม
ทางเลือกคือ "ความลับทางการค้า" (Trade Secret) ซึ่งคุ้มครองกรณีถูกขโมยสูตร แต่ไม่คุ้มครองถ้าคนอื่นคิดค้นได้เองและไปจดสิทธิบัตร ความลับทางการค้าไม่มีกำหนดระยะเวลาคุ้มครองตราบเท่าที่ยังเป็นความลับ การตัดสินใจขึ้นอยู่กับความง่ายในการลอกเลียนแบบและกลยุทธ์ธุรกิจ
⚙️กระบวนการและค่าใช้จ่ายในการจดสิทธิบัตร
ส่วนนี้จะอธิบายขั้นตอนต่างๆ ในการยื่นคำขอสิทธิบัตร เอกสารที่จำเป็นต้องเตรียม ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องทั้งค่าธรรมเนียมราชการและค่าธรรมเนียมรายปี รวมถึงระยะเวลาคุ้มครองของสิทธิบัตรแต่ละประเภท
ภาพรวมขั้นตอนการยื่นคำขอสิทธิบัตร
กระบวนการมีกำหนดเวลาที่เข้มงวด การพลาดอาจทำให้คำขอตกไป ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
เอกสารที่จำเป็นในการยื่นคำขอ
- แบบพิมพ์คำขอรับสิทธิบัตร (แบบ สป/สผ/อสป/001-ก)
- รายละเอียดการประดิษฐ์ (ชื่อ, สาขา, ภูมิหลัง, ลักษณะ, วัตถุประสงค์, การเปิดเผยโดยละเอียด, วิธีที่ดีที่สุด, บทสรุป)
- ข้อถือสิทธิ (Claims) (สำคัญที่สุด กำหนดขอบเขตการคุ้มครอง)
- บทสรุปการประดิษฐ์ (Abstract)
- รูปเขียน (ถ้ามี)
- สำเนาบัตรประชาชน (ผู้ขอและผู้ประดิษฐ์)
- คำรับรองสิทธิ
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามีตัวแทน ต้องเป็นตัวแทนที่ขึ้นทะเบียน)
- หนังสือสัญญาโอนสิทธิ (ถ้าผู้ขอไม่ใช่ผู้ประดิษฐ์)
- หนังสือรับรองนิติบุคคล (กรณีนิติบุคคล)
การร่าง "ข้อถือสิทธิ" ต้องใช้ทักษะเฉพาะทาง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการจดสิทธิบัตร
ค่าธรรมเนียมประกอบด้วยค่าธรรมเนียมราชการ และอาจมีค่าบริการของตัวแทน ค่าธรรมเนียมราชการที่สูงกว่าที่ระบุในเว็บกรมฯ มักรวมค่าบริการตัวแทนแล้ว
ตาราง: ค่าธรรมเนียมหลักในการจดสิทธิบัตร (Official Fees - อ้างอิงจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา)
ประเภทค่าธรรมเนียม | สิทธิบัตรการประดิษฐ์ | สิทธิบัตรการออกแบบ | อนุสิทธิบัตร |
---|---|---|---|
ยื่นคำขอใหม่ | 500 บาท | 250 บาท | 250 บาท |
ประกาศโฆษณา | 250 บาท | 250 บาท | 250 บาท |
ขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ | 250 บาท | - | - |
รับจดทะเบียน | 500 บาท | 500 บาท | 500 บาท |
รายปี (ปีที่ 5) | 2,000 บาท | 1,000 บาท | 2,000 บาท |
รายปี (ปีที่ 6) | 4,000 บาท | 2,000 บาท | 4,000 บาท |
รายปี (ปีที่ 10) | 14,000 บาท | 6,000 บาท | - |
รายปี (ปีที่ 20) | 80,000 บาท | - | - |
ต่ออายุอนุสิทธิบัตร (ครั้งแรก) | - | - | 14,000 บาท |
ต่ออายุอนุสิทธิบัตร (ครั้งที่สอง) | - | - | 22,000 บาท |
ค่าธรรมเนียมรายปี (Annual Fees): ต้องชำระหลังจดทะเบียนเพื่อรักษาสิทธิ อัตราเพิ่มขึ้นตามปีที่คุ้มครอง
ระยะเวลาคุ้มครองของสิทธิบัตรแต่ละประเภท
- สิทธิบัตรการประดิษฐ์: 20 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ
- สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์: 10 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ
- อนุสิทธิบัตร: 6 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ (ต่ออายุได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ปี รวมสูงสุด 10 ปี)
⚖️การละเมิดสิทธิบัตรและการบังคับใช้กฎหมาย
ส่วนนี้จะอธิบายว่าการกระทำใดบ้างที่ถือเป็นการละเมิดสิทธิบัตร บทลงโทษตามกฎหมายสำหรับผู้ละเมิด และข้อยกเว้นบางประการที่กฎหมายกำหนดว่าไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิ
การละเมิดสิทธิบัตรคืออะไร?
การละเมิดสิทธิบัตรคือการที่บุคคลใดกระทำการผลิต ใช้ ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขาย หรือนำเข้ามาในประเทศไทยซึ่งผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตร หรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ทรงสิทธิบัตร
ในกรณีละเมิดสิทธิบัตรกรรมวิธีการผลิต หากพิสูจน์ได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่จำเลยผลิตคล้ายกับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยใช้กรรมวิธีของผู้ทรงสิทธิบัตร ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยได้ใช้กรรมวิธีนั้น (ลดภาระการพิสูจน์ของผู้ทรงสิทธิ)
บทลงโทษสำหรับการละเมิดสิทธิบัตร
- สิทธิบัตรการประดิษฐ์/ออกแบบผลิตภัณฑ์: จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- อนุสิทธิบัตร: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อยกเว้นการละเมิดสิทธิบัตร
กฎหมายกำหนดข้อยกเว้นบางประการที่ไม่ถือเป็นการละเมิด เพื่อสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิกับการส่งเสริมการวิจัยและสาธารณประโยชน์:
- การกระทำเพื่อการศึกษา วิจัย ทดลอง หรือวิเคราะห์ (โดยไม่ขัดต่อประโยชน์ปกติของผู้ทรงสิทธิ)
- การผลิต/ใช้ผลิตภัณฑ์ หรือใช้กรรมวิธีโดยสุจริตก่อนวันยื่นคำขอในไทย (โดยไม่รู้ถึงการจดทะเบียน)
- การเตรียมยาตามใบสั่งแพทย์เฉพาะราย
- การกระทำเกี่ยวกับการขอขึ้นทะเบียนยาเพื่อผลิต/จำหน่ายหลังสิทธิบัตรยานั้นสิ้นอายุ
- การใช้อุปกรณ์ที่จดสิทธิบัตรบนเรือ/อากาศยานของประเทศภาคีอนุสัญญาที่เข้ามาในไทยชั่วคราว
- การใช้/ขายผลิตภัณฑ์ที่ผู้ทรงสิทธิบัตรอนุญาตให้ผลิตหรือขายแล้ว
ข้อยกเว้นมีความซับซ้อน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากไม่แน่ใจ
🧑🏫คำแนะนำเพิ่มเติม
การจดสิทธิบัตรเป็นเรื่องซับซ้อน การทำความเข้าใจในประเด็นสำคัญและการขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งจำเป็น ส่วนนี้จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและสรุปประเด็นสำคัญที่ควรทราบ
ความจำเป็นในการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิบัตร
การจดสิทธิบัตรมีรายละเอียดทางเทคนิคและกฎหมายสูง การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ (ทนายความหรือที่ปรึกษาด้านสิทธิบัตร) จึงสำคัญมาก:
- ประโยชน์: ช่วยร่างคำขอให้มีประสิทธิภาพ, จัดการขอบเขตการคุ้มครอง, ลดความกังวลเรื่องเอกสารและกำหนดเวลา, เพิ่มโอกาสได้รับสิทธิบัตรที่มีคุณภาพ
- ข้อควรพิจารณาในการเลือกที่ปรึกษา: ความเชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง, ความเข้ากันได้, มาตรฐานบริการ, การบริการหลังยื่นคำขอและการติดตามผล (ชาวต่างชาติต้องแต่งตั้งตัวแทนที่ขึ้นทะเบียนในไทย)
การลงทุนในความเชี่ยวชาญของที่ปรึกษาเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดและให้ได้การคุ้มครองที่สมบูรณ์
ประเด็นสำคัญที่ควรทราบ (Key Takeaways)
- เข้าใจประเภทสิทธิบัตร: เลือกประเภทให้เหมาะกับนวัตกรรมของคุณ (การประดิษฐ์, อนุสิทธิบัตร, การออกแบบ)
- แยกแยะ "สิทธิบัตร" กับ "สิทธิบัตรทอง": อย่าสับสนระหว่างทรัพย์สินทางปัญญากับสิทธิการรักษาพยาบาล
- รักษา "ความใหม่": อย่าเปิดเผยสิ่งประดิษฐ์ก่อนยื่นคำขอ หลัก "ใครยื่นก่อนได้ก่อน" (First to File) สำคัญมาก
- เตรียมเอกสารให้พร้อม: โดยเฉพาะ "ข้อถือสิทธิ" (Claims) ซึ่งกำหนดขอบเขตการคุ้มครอง
- วางแผนค่าใช้จ่าย: ทำความเข้าใจค่าธรรมเนียมราชการและค่าธรรมเนียมรายปี อาจมีค่าบริการตัวแทนเพิ่มเติม
- ระยะเวลาคุ้มครอง: ทราบว่าสิทธิบัตรแต่ละประเภทคุ้มครองนานเท่าใด
- ระวังการละเมิด: ทั้งการละเมิดสิทธิผู้อื่น และการป้องกันสิทธิของตนเอง
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: เป็นขั้นตอนที่แนะนำอย่างยิ่งเพื่อความสำเร็จในการจดสิทธิบัตร
หวังว่าข้อมูลในเว็บแอปพลิเคชันนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจเรื่องสิทธิบัตรในประเทศไทย และช่วยให้คุณสามารถปกป้องนวัตกรรมของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติดต่อผู้เชี่ยวชาญสิทธิบัตร
เราพร้อมดูแลคุณทุกเวลา กรอกแบบฟอร์มถึงเราได้เลย
หรือพูดคุยทันทีผ่าน Line Official Account : @idgthailand