คู่มือสิทธิบัตรในประเทศไทย: ประเภท, ประโยชน์, กระบวนการ, ค่าใช้จ่าย

คู่มือสิทธิบัตรไทย: เข้าใจง่าย ครบ จบในที่เดียว

ไขทุกข้อสงสัยเรื่องสิทธิบัตร แบบเข้าใจง่าย

ℹ️ภาพรวมสิทธิบัตร

ส่วนนี้จะให้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับสิทธิบัตรว่าคืออะไร มีกี่ประเภท และแตกต่างจากทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ อย่างไร รวมถึงชี้แจงความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับ "สิทธิบัตรทอง" เพื่อให้คุณเริ่มต้นทำความเข้าใจเรื่องสิทธิบัตรได้อย่างถูกต้อง

สิทธิบัตรคืออะไร? และประเภทของสิทธิบัตรในประเทศไทย

สิทธิบัตรคือหนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ (Invention) หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Industrial Design) ที่มีลักษณะตามที่กฎหมายกำหนด การจดสิทธิบัตรเป็นการเปลี่ยนสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ เช่น แนวคิด ให้กลายเป็นสิทธิที่จับต้องได้และเป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของผู้จดทะเบียนในระยะเวลาที่จำกัด

ในประเทศไทย สิทธิบัตรแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก:

  • สิทธิบัตรการประดิษฐ์ (Invention Patent): คุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ที่มีความซับซ้อน ครอบคลุมลักษณะองค์ประกอบ โครงสร้าง กลไก หรือกรรมวิธีในการผลิต การรักษา หรือปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ต้องเป็นสิ่งใหม่ มีขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น และประยุกต์ใช้ในทางอุตสาหกรรมได้
  • อนุสิทธิบัตร (Petty Patent): คุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ที่มีการปรับปรุงเพียงเล็กน้อย ไม่ซับซ้อน หรือเพิ่มประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องมี "ขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น"
  • สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Design Patent): คุ้มครองความคิดสร้างสรรค์ที่เกี่ยวกับรูปร่าง ลักษณะภายนอก ลวดลาย หรือสีของผลิตภัณฑ์ เน้นความสวยงามหรือรูปลักษณ์ภายนอก

ตารางเปรียบเทียบ: ประเภทของสิทธิบัตรในประเทศไทย

คุณสมบัติ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ อนุสิทธิบัตร สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์
คำนิยาม/ขอบเขต สิ่งประดิษฐ์ซับซ้อน, องค์ประกอบ, โครงสร้าง, กลไก, กรรมวิธีผลิต/ปรับปรุงคุณภาพ สิ่งประดิษฐ์ปรับปรุงเล็กน้อย, ไม่ซับซับซ้อน, เพิ่มประโยชน์ใช้สอย รูปร่าง, ลักษณะภายนอก, ลวดลาย, สีของผลิตภัณฑ์ (เน้นความสวยงาม)
เงื่อนไขสำคัญ 1. ใหม่ (ทั่วโลก)
2. ขั้นการประดิษฐ์สูงขึ้น
3. ประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม
1. ใหม่ (ทั่วโลก)
2. ประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม
*(ไม่มีขั้นการประดิษฐ์สูงขึ้น)*
1. ใหม่ (ทั่วโลก)
2. ประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม/หัตถกรรม
ระยะเวลาคุ้มครอง 20 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ 6 ปี, ต่ออายุได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ปี (รวมสูงสุด 10 ปี) 10 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ
ข้อดี/ข้อเสีย ข้อดี: คุ้มครองยาวนาน, ได้รับการยอมรับทั่วโลกมากกว่า
ข้อเสีย: พิจารณานาน, ซับซ้อน
ข้อดี: คำขอไม่ซับซ้อน, พิจารณาเร็วกว่า
ข้อเสีย: คุ้มครองสั้นกว่า, ไม่คุ้มครองฟังก์ชัน
ข้อดี: คำขอไม่ซับซ้อน
ข้อเสีย: ไม่คุ้มครองฟังก์ชัน, แก้ไขดีไซน์เล็กน้อยอาจเป็นงานใหม่

ความแตกต่างระหว่างสิทธิบัตรกับทรัพย์สินทางปัญญาประเภทอื่น

ผู้คนมักสับสนระหว่างสิทธิบัตรกับทรัพย์สินทางปัญญาประเภทอื่นๆ การทำความเข้าใจความแตกต่างเป็นสิ่งสำคัญ:

  • สิทธิบัตร vs. ลิขสิทธิ์: สิทธิบัตรคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์/การออกแบบ (ต้องจดทะเบียน) ลิขสิทธิ์คุ้มครองงานสร้างสรรค์ทางศิลปะ/วรรณกรรม (เกิดขึ้นอัตโนมัติ)
  • สิทธิบัตร vs. เครื่องหมายการค้า: สิทธิบัตรคุ้มครองนวัตกรรมทางเทคนิค/การออกแบบ เครื่องหมายการค้าคุ้มครองชื่อ/โลโก้ที่ใช้ระบุแหล่งที่มาของสินค้า/บริการ

ตารางเปรียบเทียบ: ทรัพย์สินทางปัญญาที่พบบ่อย

ประเภททรัพย์สินทางปัญญา คำนิยาม/ขอบเขต ระยะเวลาคุ้มครอง ข้อกำหนดการจดทะเบียน
สิทธิบัตรการประดิษฐ์ สิ่งประดิษฐ์ซับซ้อน, กรรมวิธี 20 ปี (วันยื่น) จำเป็น
อนุสิทธิบัตร สิ่งประดิษฐ์ปรับปรุงเล็กน้อย 6 ปี + ต่ออายุได้ (สูงสุด 10 ปี) จำเป็น
สิทธิบัตรการออกแบบ รูปร่าง, ลักษณะภายนอก (สวยงาม) 10 ปี (วันยื่น) จำเป็น
ลิขสิทธิ์ งานวรรณกรรม, ศิลปกรรม, โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ตลอดชีวิตผู้สร้าง + 50 ปี (หรือ 50 ปีสำหรับนิติบุคคล) ไม่จำเป็น (เกิดขึ้นทันที)
เครื่องหมายการค้า ชื่อ, โลโก้, สัญลักษณ์สินค้า/บริการ 10 ปี, ต่ออายุได้ทุก 10 ปี จำเป็น
ความลับทางการค้า ข้อมูลการค้าที่เป็นความลับ, มีประโยชน์เชิงพาณิชย์ ไม่มีกำหนด (ตราบเท่าที่เป็นความลับ) ไม่จำเป็น

⚠️ข้อควรระวัง: "สิทธิบัตร" กับ "สิทธิบัตรทอง"

เป็นประเด็นที่คนไทยมักสับสน! "สิทธิบัตรทอง" หรือ "สิทธิบัตรประกันสุขภาพ" หมายถึง "สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า" (บัตรทอง 30 บาท) ซึ่งเป็นสิทธิการรักษาพยาบาล ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับ "สิทธิบัตร" ที่คุ้มครองสิ่งประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ การเข้าใจความแตกต่างนี้สำคัญมากเพื่อไม่ให้สับสนในการค้นหาข้อมูล

💡ประโยชน์และเงื่อนไขของการจดสิทธิบัตร

ส่วนนี้จะอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมการจดสิทธิบัตรจึงมีความสำคัญต่อธุรกิจและนักประดิษฐ์ รวมถึงเงื่อนไขที่จำเป็นในการขอรับความคุ้มครอง และสิ่งใดบ้างที่ไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้ พร้อมกรณีศึกษาที่น่าสนใจ

ทำไมจึงควรขอรับสิทธิบัตร?

  • การคุ้มครองสิทธิเด็ดขาด: มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการผลิต ใช้ ขาย หรือนำเข้า
  • สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน: รักษาสถานะทางการตลาด
  • ผลตอบแทนจากการลงทุน R&D: เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์
  • เครื่องมือทางธุรกิจ: ซื้อขายหรืออนุญาตให้ใช้สิทธิได้, ป้องกันการลอกเลียน
  • เพิ่มมูลค่าธุรกิจ: เพิ่มความน่าเชื่อถือและมูลค่าบริษัท
  • ส่งเสริมการขยายธุรกิจ: ดึงดูดนักลงทุน
  • ให้รางวัลแก่ผู้ประดิษฐ์: เป็นแรงจูงใจในการสร้างสรรค์
  • ส่งเสริมวัฒนธรรมนวัตกรรม: กระตุ้นการลงทุนในสิ่งใหม่ๆ

หลักการสำคัญ: "ใครยื่นก่อนได้ก่อน" (First to File) หากไม่รีบยื่นคำขอ ผู้อื่นอาจนำแนวคิดไปจดสิทธิบัตรก่อนได้ และการเปิดเผยผลงานสู่สาธารณะก่อนยื่นคำขอ อาจทำให้สิ่งประดิษฐ์สูญเสีย "ความใหม่" และไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้ (มีข้อยกเว้นระยะเวลาผ่อนผัน 12 เดือนในบางกรณี)

เงื่อนไขสำคัญในการขอรับสิทธิบัตร

  • ความใหม่ (Novelty): ต้องเป็นสิ่งใหม่ ไม่เคยเปิดเผยสาระสำคัญมาก่อนวันยื่นคำขอ (มีข้อยกเว้นระยะผ่อนผัน 12 เดือนในบางกรณี)
  • ขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น (Inventive Step) (สำหรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์เท่านั้น): มีการพัฒนาที่ชัดเจนเหนือสิ่งที่มีอยู่เดิม ผู้เชี่ยวชาญคาดเดาไม่ได้
  • การประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม (Industrial Applicability): สามารถนำไปผลิตซ้ำได้ในทางอุตสาหกรรมหรือหัตถกรรม และมีประโยชน์

สิ่งที่ไม่สามารถขอรับสิทธิบัตรได้

  • จุลชีพและส่วนประกอบตามธรรมชาติของจุลชีพ, สัตว์, พืช, หรือสารสกัด (แต่กรรมวิธีการสกัดจดได้)
  • กฎเกณฑ์และทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
  • ระเบียบข้อมูลหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยทั่วไป (แต่ถ้าควบคุมฮาร์ดแวร์ อาจจดได้ในระบบ)
  • วิธีการวินิจฉัย บำบัด หรือรักษาโรคมนุษย์หรือสัตว์ (แต่วิธีการเสริมความงามจดได้)
  • สิ่งประดิษฐ์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดี (เช่น อาวุธสงคราม)

การตีความกฎหมายสิทธิบัตรมีความละเอียดอ่อน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเป็นไปได้

กรณีศึกษา: การจดสิทธิบัตรสูตรอาหาร

การจดสิทธิบัตรสูตรอาหารต้องเปิดเผยสูตรอย่างละเอียด (ส่วนประกอบ, สัดส่วน, กรรมวิธี) และคุ้มครองเฉพาะสิ่งที่เปิดเผย ไม่ใช่ประเภทอาหารโดยรวม

ทางเลือกคือ "ความลับทางการค้า" (Trade Secret) ซึ่งคุ้มครองกรณีถูกขโมยสูตร แต่ไม่คุ้มครองถ้าคนอื่นคิดค้นได้เองและไปจดสิทธิบัตร ความลับทางการค้าไม่มีกำหนดระยะเวลาคุ้มครองตราบเท่าที่ยังเป็นความลับ การตัดสินใจขึ้นอยู่กับความง่ายในการลอกเลียนแบบและกลยุทธ์ธุรกิจ

⚙️กระบวนการและค่าใช้จ่ายในการจดสิทธิบัตร

ส่วนนี้จะอธิบายขั้นตอนต่างๆ ในการยื่นคำขอสิทธิบัตร เอกสารที่จำเป็นต้องเตรียม ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องทั้งค่าธรรมเนียมราชการและค่าธรรมเนียมรายปี รวมถึงระยะเวลาคุ้มครองของสิทธิบัตรแต่ละประเภท

ภาพรวมขั้นตอนการยื่นคำขอสิทธิบัตร

1. การยื่นคำขอ (Application Filing)
เตรียมร่างคำขอและเอกสารที่จำเป็น จากนั้นยื่นคำขอที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา
2. การตรวจสอบเบื้องต้นและการประกาศโฆษณา (Publication)
กรมฯ จะตรวจสอบเบื้องต้น (ประมาณ 10 เดือน) หากถูกต้องจะสั่งประกาศโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา (ต้องชำระค่าธรรมเนียม)
3. การคัดค้าน (Opposition)
บุคคลภายนอกสามารถยื่นเรื่องคัดค้านการขอรับสิทธิบัตรได้ภายใน 90 วันหลังจากการประกาศโฆษณา
4. การขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ (Examination)
ผู้ขอต้องยื่นคำขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบการประดิษฐ์และชำระค่าธรรมเนียมภายใน 5 ปีหลังประกาศโฆษณา (สำหรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์) เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความใหม่, ขั้นการประดิษฐ์ และการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม
5. การพิจารณาและจดทะเบียน (Registration)
หากผ่านเกณฑ์การตรวจสอบทั้งหมด กรมฯ จะสั่งจดทะเบียนสิทธิบัตร (ต้องชำระค่าธรรมเนียม) และผู้ขอจะได้รับหนังสือสำคัญ

กระบวนการมีกำหนดเวลาที่เข้มงวด การพลาดอาจทำให้คำขอตกไป ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

เอกสารที่จำเป็นในการยื่นคำขอ

  • แบบพิมพ์คำขอรับสิทธิบัตร (แบบ สป/สผ/อสป/001-ก)
  • รายละเอียดการประดิษฐ์ (ชื่อ, สาขา, ภูมิหลัง, ลักษณะ, วัตถุประสงค์, การเปิดเผยโดยละเอียด, วิธีที่ดีที่สุด, บทสรุป)
  • ข้อถือสิทธิ (Claims) (สำคัญที่สุด กำหนดขอบเขตการคุ้มครอง)
  • บทสรุปการประดิษฐ์ (Abstract)
  • รูปเขียน (ถ้ามี)
  • สำเนาบัตรประชาชน (ผู้ขอและผู้ประดิษฐ์)
  • คำรับรองสิทธิ
  • หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามีตัวแทน ต้องเป็นตัวแทนที่ขึ้นทะเบียน)
  • หนังสือสัญญาโอนสิทธิ (ถ้าผู้ขอไม่ใช่ผู้ประดิษฐ์)
  • หนังสือรับรองนิติบุคคล (กรณีนิติบุคคล)

การร่าง "ข้อถือสิทธิ" ต้องใช้ทักษะเฉพาะทาง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการจดสิทธิบัตร

ค่าธรรมเนียมประกอบด้วยค่าธรรมเนียมราชการ และอาจมีค่าบริการของตัวแทน ค่าธรรมเนียมราชการที่สูงกว่าที่ระบุในเว็บกรมฯ มักรวมค่าบริการตัวแทนแล้ว

ตาราง: ค่าธรรมเนียมหลักในการจดสิทธิบัตร (Official Fees - อ้างอิงจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา)

ประเภทค่าธรรมเนียม สิทธิบัตรการประดิษฐ์ สิทธิบัตรการออกแบบ อนุสิทธิบัตร
ยื่นคำขอใหม่ 500 บาท 250 บาท 250 บาท
ประกาศโฆษณา 250 บาท 250 บาท 250 บาท
ขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ 250 บาท - -
รับจดทะเบียน 500 บาท 500 บาท 500 บาท
รายปี (ปีที่ 5) 2,000 บาท 1,000 บาท 2,000 บาท
รายปี (ปีที่ 6) 4,000 บาท 2,000 บาท 4,000 บาท
รายปี (ปีที่ 10) 14,000 บาท 6,000 บาท -
รายปี (ปีที่ 20) 80,000 บาท - -
ต่ออายุอนุสิทธิบัตร (ครั้งแรก) - - 14,000 บาท
ต่ออายุอนุสิทธิบัตร (ครั้งที่สอง) - - 22,000 บาท

ค่าธรรมเนียมรายปี (Annual Fees): ต้องชำระหลังจดทะเบียนเพื่อรักษาสิทธิ อัตราเพิ่มขึ้นตามปีที่คุ้มครอง

ระยะเวลาคุ้มครองของสิทธิบัตรแต่ละประเภท

  • สิทธิบัตรการประดิษฐ์: 20 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ
  • สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์: 10 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ
  • อนุสิทธิบัตร: 6 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ (ต่ออายุได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ปี รวมสูงสุด 10 ปี)

⚖️การละเมิดสิทธิบัตรและการบังคับใช้กฎหมาย

ส่วนนี้จะอธิบายว่าการกระทำใดบ้างที่ถือเป็นการละเมิดสิทธิบัตร บทลงโทษตามกฎหมายสำหรับผู้ละเมิด และข้อยกเว้นบางประการที่กฎหมายกำหนดว่าไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิ

การละเมิดสิทธิบัตรคืออะไร?

การละเมิดสิทธิบัตรคือการที่บุคคลใดกระทำการผลิต ใช้ ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขาย หรือนำเข้ามาในประเทศไทยซึ่งผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตร หรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ทรงสิทธิบัตร

ในกรณีละเมิดสิทธิบัตรกรรมวิธีการผลิต หากพิสูจน์ได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่จำเลยผลิตคล้ายกับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยใช้กรรมวิธีของผู้ทรงสิทธิบัตร ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยได้ใช้กรรมวิธีนั้น (ลดภาระการพิสูจน์ของผู้ทรงสิทธิ)

บทลงโทษสำหรับการละเมิดสิทธิบัตร

  • สิทธิบัตรการประดิษฐ์/ออกแบบผลิตภัณฑ์: จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • อนุสิทธิบัตร: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อยกเว้นการละเมิดสิทธิบัตร

กฎหมายกำหนดข้อยกเว้นบางประการที่ไม่ถือเป็นการละเมิด เพื่อสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิกับการส่งเสริมการวิจัยและสาธารณประโยชน์:

  • การกระทำเพื่อการศึกษา วิจัย ทดลอง หรือวิเคราะห์ (โดยไม่ขัดต่อประโยชน์ปกติของผู้ทรงสิทธิ)
  • การผลิต/ใช้ผลิตภัณฑ์ หรือใช้กรรมวิธีโดยสุจริตก่อนวันยื่นคำขอในไทย (โดยไม่รู้ถึงการจดทะเบียน)
  • การเตรียมยาตามใบสั่งแพทย์เฉพาะราย
  • การกระทำเกี่ยวกับการขอขึ้นทะเบียนยาเพื่อผลิต/จำหน่ายหลังสิทธิบัตรยานั้นสิ้นอายุ
  • การใช้อุปกรณ์ที่จดสิทธิบัตรบนเรือ/อากาศยานของประเทศภาคีอนุสัญญาที่เข้ามาในไทยชั่วคราว
  • การใช้/ขายผลิตภัณฑ์ที่ผู้ทรงสิทธิบัตรอนุญาตให้ผลิตหรือขายแล้ว

ข้อยกเว้นมีความซับซ้อน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากไม่แน่ใจ

🧑‍🏫คำแนะนำเพิ่มเติม

การจดสิทธิบัตรเป็นเรื่องซับซ้อน การทำความเข้าใจในประเด็นสำคัญและการขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งจำเป็น ส่วนนี้จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและสรุปประเด็นสำคัญที่ควรทราบ

ความจำเป็นในการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิบัตร

การจดสิทธิบัตรมีรายละเอียดทางเทคนิคและกฎหมายสูง การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ (ทนายความหรือที่ปรึกษาด้านสิทธิบัตร) จึงสำคัญมาก:

  • ประโยชน์: ช่วยร่างคำขอให้มีประสิทธิภาพ, จัดการขอบเขตการคุ้มครอง, ลดความกังวลเรื่องเอกสารและกำหนดเวลา, เพิ่มโอกาสได้รับสิทธิบัตรที่มีคุณภาพ
  • ข้อควรพิจารณาในการเลือกที่ปรึกษา: ความเชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง, ความเข้ากันได้, มาตรฐานบริการ, การบริการหลังยื่นคำขอและการติดตามผล (ชาวต่างชาติต้องแต่งตั้งตัวแทนที่ขึ้นทะเบียนในไทย)

การลงทุนในความเชี่ยวชาญของที่ปรึกษาเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดและให้ได้การคุ้มครองที่สมบูรณ์

ประเด็นสำคัญที่ควรทราบ (Key Takeaways)

  • เข้าใจประเภทสิทธิบัตร: เลือกประเภทให้เหมาะกับนวัตกรรมของคุณ (การประดิษฐ์, อนุสิทธิบัตร, การออกแบบ)
  • แยกแยะ "สิทธิบัตร" กับ "สิทธิบัตรทอง": อย่าสับสนระหว่างทรัพย์สินทางปัญญากับสิทธิการรักษาพยาบาล
  • รักษา "ความใหม่": อย่าเปิดเผยสิ่งประดิษฐ์ก่อนยื่นคำขอ หลัก "ใครยื่นก่อนได้ก่อน" (First to File) สำคัญมาก
  • เตรียมเอกสารให้พร้อม: โดยเฉพาะ "ข้อถือสิทธิ" (Claims) ซึ่งกำหนดขอบเขตการคุ้มครอง
  • วางแผนค่าใช้จ่าย: ทำความเข้าใจค่าธรรมเนียมราชการและค่าธรรมเนียมรายปี อาจมีค่าบริการตัวแทนเพิ่มเติม
  • ระยะเวลาคุ้มครอง: ทราบว่าสิทธิบัตรแต่ละประเภทคุ้มครองนานเท่าใด
  • ระวังการละเมิด: ทั้งการละเมิดสิทธิผู้อื่น และการป้องกันสิทธิของตนเอง
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: เป็นขั้นตอนที่แนะนำอย่างยิ่งเพื่อความสำเร็จในการจดสิทธิบัตร

หวังว่าข้อมูลในเว็บแอปพลิเคชันนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจเรื่องสิทธิบัตรในประเทศไทย และช่วยให้คุณสามารถปกป้องนวัตกรรมของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ติดต่อผู้เชี่ยวชาญสิทธิบัตร

เราพร้อมดูแลคุณทุกเวลา กรอกแบบฟอร์มถึงเราได้เลย

หรือพูดคุยทันทีผ่าน Line Official Account : @idgthailand @idgthailand 

ท่านสามารถสแกน QR Code เพิ่มเพื่อน
LINE ID : @idgthailand เพื่อติดต่อเราผ่าน
แอพพลิเคชั่น LINE ได้ตลอด 24 ชั่วโมง