OUR BLOG

เทคโนโลยีหุ่นยนต์ และ AI: ทิศทางและแนวโน้มในอนาคต EP1

เทคโนโลยีหุ่นยนต์ และ AI ทิศทางและแนวโน้มในอนาคต

สำหรับคนที่ติดตามข่าวสารด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอยู่เสมออาจสังเกตได้ว่า หนึ่งในอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นที่น่าจับตามองในปัจจุบัน ได้แก่ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ (Robotics) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) สังเกตได้จากแนวโน้มการลงทุนในหลากหลายภูมิภาคที่เริ่มมีการลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์เพิ่มขึ้นอย่างไม่ลดละ นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ยังได้รับความสนใจและการสนับสนุนจากรัฐบาลในหลายประเทศ เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดังกล่าวได้กลายเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดของการเป็นมหาอำนาจทางเทคโนโลยีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้ว่าเราในฐานะบริโภค อาจจะยังไม่ได้เห็นการเข้ามาของเทคโนโลยีโลยีหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์โดยตรงมากนักในชีวิตประจำวัน แต่สำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรมจำนวนมาก เทคโนโลยีเหล่านี้ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวกำหนดความอยู่รอดทางธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงได้มีการทยอยนำมาปรับใช้ในองค์กรอย่างต่อเนื่อง
ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินทางปัญญา ในนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงแนวโน้มด้านนวัตกรรมของเทคโนโลยีเหล่านี้ในปัจจุบัน

การดูแนวโน้มเทคโนโลยีด้วยฐานข้อมูลสิทธิบัตร

ปัจจุบันฐานข้อมูลสิทธิบัตรได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้พัฒนาเทคโนโลยี ในการศึกษาแนวโน้มของเทคโนโลยีที่กำลังเป็นไปอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อกำหนดแนวทางหรือกลยุทธ์ในการแข่งขัน เนื่องจากการยื่นขอรับสิทธิบัตรนั้น แทบจะกลายเป็นมาตรฐานขั้นต่ำในการคุ้มครองการประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่บริษัท และผู้พัฒนาต่าง ๆ จำเป็นต้องทำเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ดังนั้น ประกาศโฆษณาสิทธิบัตรในฐานข้อมูลต่าง ๆ จึงเป็นแหล่งอ้างอิงชั้นดีที่จะสืบค้นดูว่าคู่แข่งของเรา ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีอะไรไปแล้วบ้าง มีอะไรนำหน้าเรา หรือมีอะไรที่เรายังสามารถแข่งขันได้อยู่บ้าง

โดยทั่วไปแล้ว การสืบค้นสิทธิบัตรมีจุดประสงค์หลักดังต่อไปนี้
1..สืบค้นเพื่อเปรียบเทียบว่าการประดิษฐ์ของเรานั้นมีความใหม่ และขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้นหรือไม่ โดยเทียบสาระสำคัญกับสิทธิบัตรที่มีการประกาศโฆษณาไปก่อนหน้า เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการรับจดทะเบียน หากเราต้องการยื่นขอรับสิทธิบัตรในการประดิษฐ์นั้น ๆ (Patentability Search)

2.สืบค้นเพื่อดูสถานะทางกฎหมายของการประดิษฐ์ภายในประเทศนั้น ๆ เพื่อตรวจสอบว่าหากเราส่งสินค้า หรือนวัตกรรมไปจำหน่ายในประเทศนั้น จะมีโอกาสที่ไปทับซ้อนสิทธิบัตรของใครหรือไม่ เพื่อพิจารณาความเสี่ยงในการเป็นข้อพิพาทและถูกดำเนินการตามกฎหมาย รวมถึงการนำเข้าสินค้าหรือนวัตกรรมเข้ามาภายในประเทศด้วย (Freedom to Operate : FTO)
สืบค้นเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตร ดูแนวโน้มว่า 10 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เทรนด์ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรม เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาไปประกอบการพิจารณาว่าเทคโนโลยีที่เรากำลังพัฒนาตรงกับความต้องการของตลาดหรือไม่ หากเราเดินหน้าพัฒนาต่อจะมีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องรึเปล่า เพราะฉะนั้น ทางที่ดีแล้ว การวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตรจึงควรทำก่อนที่จะมีการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อประเมินความคุ้มค่าและความเสี่ยง (Patent Landscape Analysis)

เนื่องจากฐานข้อมูลสิทธิบัตรเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ มีคำขอสิทธิบัตรประกาศโฆษณาอยู่ประมาณ 160-170 ล้านฉบับจากสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาทั่วโลก ดังนั้นแล้ว ในการวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตรจึงควรมีการกำหนด Keyword ในการค้นหาอย่างแม่นยำ เพื่อลดจำนวนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์ที่นักวิเคราะห์สิทธิบัตรจะต้องนำมาร่วมพิจารณา โดยในบทความนี้ ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตรด้วยการกำหนดให้แสดงผลเฉพาะงาน “ระบบอัตโนมัติ” (Automation) ทั้งที่ใช้ร่วมกับอุปกรณ์ และใช้ภายในองค์กร และ “ปัญญาประดิษฐ์” (AI) ที่ถูกสร้างขึ้นจากกระบวนการ Deep Learning และ Machine Learning ที่จะถูกนำไปใช้งานร่วมกับระบบอัตโนมัติ

ภาพรวมของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลจากฐานข้อมูลสิทธิบัตร จากการตรวจสอบฐานข้อมูลสิทธิบัตร โดยกำหนด Keyword ในการค้นหาเป็น “Automation” และ “AI” ดังที่กล่าวไปในข้างต้น พบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2014-2024) มีการยื่นขอรับสิทธิบัตรในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมากขึ้นทุกปี หากคำนวณ CAGR แล้วจะอยู่ที่ 21.11% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร หรือเครื่องมือเครื่องใช้ทั่วไป ที่มักเติบโตอยู่เพียง 3-5% แสดงให้เห็นถึงความต้องการในเทคโนโลยี Automation และ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตทุกอุตสาหกรรมก็อาจเผชิญกับปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถส่งผลต่อการเติบโตได้ ไม่ว่าจะเป็น วิกฤตการณ์ ความต้องการที่เปลี่ยนไปของตลาด หรือนโยบายสาธารณะจากรัฐบาลที่สนับสนุน เช่นในอุตสาหกรรม Automation และ AI ที่มีจำนวนคำขอเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงระหว่างปี 2018–2020 อาจเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่กดดันให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งภาคการผลิตและการบริการจำเป็นต้องลดการใช้แรงงานมนุษย์เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค ส่งผลให้ธุรกิจต้องเริ่มนำเทคโนโลยี Automation และ AI มาปรับใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างการ Lock Down เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ก็ทำให้บริษัทต่าง ๆ เริ่มเห็นความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีมาทดแทนแรงงานมนุษย์ในลักษณะหรืองานที่หลากหลายมากขึ้น จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ความสนใจในการพัฒนาลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ในแผนภูมิดังกล่าว ช่วงระหว่างปี 2021–2023 อาจแสดงให้เห็นว่ามีอัตราการยื่นคำขอที่ลดลง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก็อาจยังสรุปไม่ได้ว่าความสนใจน้อยลง เนื่องจากคำขอที่ถูกยื่นไปในช่วงนั้นอาจยังไม่ได้รับการประกาศโฆษณา ซึ่งส่วนมากจะได้รับ การประกาศโฆษณาหลังจากการยื่นคำขอเป็นระยะเวลา 2–3 ปี นอกจากนี้ ในการวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตรนั้น โดยส่วนมากพิจารณาแค่เพียง 10 ปีย้อนหลังก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เนื่องจากหากเกินกว่านั้น สิทธิบัตรที่ปรากฏก็มักจะเป็นเทคโนโลยีที่เป็นรูปแบบเก่า ๆ หรือหมดอายุความคุ้มครองแล้ว อย่างไรก็ตาม ฐานข้อมูลสิทธิบัตรเป็นเพียงแหล่งข้อมูลหนึ่งที่สามารถช่วยใน การคาดการณ์หรือประเมินแนวโน้มของตลาดและเทคโนโลยีได้ หากทำการพิจารณาร่วมกับข้อมูลทางอื่น เช่น ตัวเลขทางการตลาด งานวิจัยอื่น ๆ ก็จะสามารถให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่หลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น

ภาพรวมของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลจากรายงาน World Intellectual Property Indicator 2024
World Intellectual Property Indicator เป็นรายงานที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization : WIPO) จัดทำเป็นประจำทุกปี ซึ่งจะทำการรวบรวมข้อมูลการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ จากสำนักงานสิทธิบัตรในแต่ละประเทศ เพื่อสรุปเป็นข้อมูลให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึง และนำข้อมูลไปใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตได้ นอกจากนี้ ข้อมูลที่ปรากฏในรายงานดังกล่าวไม่ได้มีเพียงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตรเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมรวมไปถึงทรัพย์สินทางปัญญาประเภทอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า และสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น
การใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลสิทธิบัตร และรายงาน World Intellectual Property Indicator อาจมีรายละเอียดและเทคนิคใน การใช้งานต่างกันเล็กน้อย ในขณะที่การสืบค้นด้วยฐานข้อมูลจะสามารถระบุขอบเขตในการค้นหา หรือ Keyword ได้อย่างเฉพาะเจาะจง และอัพเดทฐานข้อมูลค่อนข้างบ่อย รายงานฉบับนี้จะมีการเผยแพร่เป็นรายปี จึงอาจให้ข้อมูลที่ไม่เป็นปัจจุบันมากนัก และได้ทำการกำหนดหมวดหมู่ของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ Automation, Robotics และ AI ให้อยู่ภายใต้สาขาวิทยาการดังต่อไปนี้

  • สิทธิบัตรในหมวดหมู่ Digital Communication ภายใต้สาขาวิทยาการ Electrical Engineering ซึ่งมีสัดส่วนการยื่น
    คำขอคิดเป็น 5.3% จากจำนวนคำขอรับสิทธิบัตรทั้งหมดในปี 2022 และมีอัตราการยื่นคำขอเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% ในช่วงระหว่างปี 2012-2022
  • สิทธิบัตรในหมวดหมู่ Computer Technology ภายใต้สาขาวิทยาการ Electrical Engineering ซึ่งมีสัดส่วนการยื่นคำขอคิดเป็น 12.4% จากจำนวนคำขอรับสิทธิบัตรทั้งหมดในปี 2022 และมีอัตราการยื่นคำขอเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 10.7% ในช่วงระหว่างปี 2012-2022
  • สิทธิบัตรในหมวดหมู่ Control ภายใต้สาขาวิทยาการ Instruments ซึ่งมีสัดส่วนการยื่นคำขอคิดเป็น 2.3% จากจำนวนคำขอรับสิทธิบัตรทั้งหมดในปี 2022 และมีอัตราการยื่นคำขอเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 8.8% ในช่วงระหว่างปี 2012-2022

ถึงแม้ว่าข้อมูลจากรายงาน World Intellectual Property Indicator จะมีการเผยแพร่เพียงปีละครั้งเท่านั้น อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวยังถือว่าเป็นเอกสารที่มีความน่าเชื่อถือสูงและให้การยอมรับกันอย่างทั่วโลก เนื่องจากถูกจัดทำโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ที่มีการแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลกับสำนักงานสิทธิบัตรประเทศต่าง ๆ อยู่เสมอ รวมถึงบทวิเคราะห์ต่าง ๆ ภายในรายงาน ก็ถือว่ามีความน่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรู้แนวโน้มนวัตกรรมของโลก และสามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

สิทธิบัตรหุ่นยนต์
รูปที่ 3 แสดงให้เห็นจำนวนคำขอรับสิทธิบัตรเกี่ยวกับ Automation และ AI ประเทศที่มีการยื่นคำขอที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหุ่นยนต์

จากแผนภูมิข้างต้น จะเห็นได้ว่าประเทศที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองในสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ Automation และ AI มากที่สุด ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา ทิ้งห่างจากอันดับที่ 2 ซึ่งได้แก่ประเทศจีน (ไม่นับรวมถึงไต้หวัน ฮ่องกง และมาเก๊า) อยู่เกือบ 3 เท่า แสดงให้เห็นว่าผู้เล่นหลักที่กำลังครองตลาดในอุตสาหกรรมนี้ ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกาอยู่ แต่ก็ยังคงมีอีกหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมอาหารที่ประเทศจีนได้ขึ้นแท่นเป็นผู้เล่นหลักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยครองส่วนแบ่งคำขอรับสิทธิบัตรที่มีการยื่นไปอยู่ที่ 50-60% จากคำขอรับสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับอาหารทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ข้อควรทราบกรณีมีความสนใจที่จะนำแผนภูมิดังกล่าวไปใช้ประโยชน์เพิ่มเติม คือ แผนภูมินี้ไม่ได้มีการจัดหมวดหมู่ประเทศตามสัญชาติของผู้ยื่นคำขอ แต่จัดหมวดหมู่ตามสำนักงานรับคำขอ หรือก็คือสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของแต่ละประเทศนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น สำนักงานรับคำขอสิทธิบัตรของประเทศไทย ได้แก่ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ภายใต้สังกัดกระทรวงพาณิชย์ที่เรารู้จักกันดี ดังนั้นแล้ว สิทธิบัตรที่เป็นการประดิษฐ์เดียวกัน แต่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองในหลายประเทศ ก็จะถูกนับเป็นคำขอของทุกประเทศที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองเข้าไป หรือในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอถือสัญชาติไทย แต่ไปยื่นคำขอในสหรัฐอเมริกา คำขอดังกล่าวก็จะถูกนับเป็นคำขอที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นสำนักงานรับคำขอ

สำหรับผู้อ่านที่เพิ่งมีความสนใจด้านทรัพย์สินทางปัญญา และกำลังสงสัยว่า WO/WIPO หรือ EP ที่มีการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรเกี่ยวกับ Automation and AI เป็นอันดับ 3 และ 4 นั้น คือประเทศไหน ทำไมถึงมีการยื่นคำขอมากขนาดนั้น สามารถติดตามในย่อหน้าถัดไปได้ แต่สำหรับท่านที่คุ้นเคยกับระบบการยื่นสิทธิบัตรในต่างประเทศแล้ว สามารถข้ามไปที่หัวข้อถัดไปได้เลย

  • คำขอ WO/WIPO คือ คำขอรับสิทธิบัตรที่มีการยื่นผ่านระบบความร่วมมือด้านสิทธิบัตรระหว่างประเทศ (PCT) และได้รับการประกาศโฆษณาในฐานข้อมูลสิทธิบัตรโลก ก่อนที่จะมีการยื่นขอรับความคุ้มครองเข้าไปในรายประเทศ เพื่อลดขั้นตอนและความยุ่งยากในการจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นหลายประเทศ ซึ่งเจ้าของการประดิษฐ์ที่ถือสัญชาติไทยก็สามารถยื่นคำขอรับสิทธิบัตรด้วยระบบดังกล่าวได้เช่นกัน ผ่านกรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือตัวแทนสิทธิบัตรที่ได้รับอนุญาต
  • คำขอ EP คือคำขอรับสิทธิบัตรที่มีการยื่นต่อสำนักงานสิทธิบัตรยุโรป (European Patent Office : EPO) และได้รับ การประกาศโฆษณา ซึ่งสิทธิบัตรยุโรปที่ได้รับการจดทะเบียน จะสามารถบังคับยื่นเข้าประเทศสมาชิกเพื่อบังคับใช้สิทธิได้โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบการประดิษฐ์อีกครั้งในรายประเทศ ทั้งนี้ สิทธิในการยื่นสิทธิบัตรยุโรปไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะผู้ที่ถือสัญชาติของประเทศสมาชิกเท่านั้น เจ้าของการประดิษฐ์ที่ถือสัญชาติไทยก็สามารถยื่นได้เช่นกัน โดยสามารถยื่นด้วยตนเอง หรือผ่านตัวแทนสิทธิบัตรที่ได้รับอนุญาต

สัดส่วนของสิทธิบัตรภายใต้สาขาวิทยาการที่เกี่ยวข้อง
แบ่งตามรายประเทศ

สัดส่วนของสิทธิบัตรภายใต้สาขาวิทยาการที่เกี่ยวข้อง แบ่งตามรายประเทศ

รูปที่ 4 แสดงให้เห็นสัดส่วนของสิทธิบัตรภายใต้สาขาวิทยาการที่เกี่ยวข้อง จัดหมวดหมู่ตามรายประเทศ
จากรายงาน World Intellectual Property Indicator 2024

หากทำการเปรียบเทียบกันระหว่างข้อมูลจากรูปที่ 3 และรูปที่ 4 จะเห็นว่าประเทศที่มีการยื่นคำขอมากที่สุดของทั้งสองรูปมี ความสอดคล้อง และให้ข้อมูลเป็นไปตามทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือหากนับรวมคำขอที่มีการยื่นทั้งหมด สหรัฐอเมริกายังคงมีการยื่นคำขอในการประดิษฐ์ในอุตสาหกรรมนี้มากที่สุด ตามมาด้วยประเทศจีน แต่หากเราพิจารณาข้อมูลโดยแบ่งตามสาขาวิทยาการย่อยแล้ว จะเห็นว่าถึงแม้สหรัฐอเมริกาจะมีการยื่นคำขอที่เกี่ยวข้องกับ Digital Communication มากที่สุด แต่ถ้าหากเป็น Computer Technology แล้วนั้น ประเทศจีนจะมีการยื่นคำขอที่มากกว่าสหรัฐอเมริกาอยู่เล็กน้อย
นอกจากนี้ ข้อมูลอีกอย่างที่มีความน่าสนใจคือ ในส่วนของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Control ประเทศอินเดียนั้นถือว่าเป็นประเทศที่มีสัดส่วนการยื่นคำขอมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าเมื่อนับจำนวนคำขอทั้งหมด ประเทศอินเดียจะไม่ติดอันดับประเทศที่มี การยื่นคำขอในอุตสาหกรรมดังกล่าวมากที่สุด แต่ก็ยังคงครองแชมป์ในหลายกลุ่มเมื่อพิจารณารายสาขาวิทยาการที่เกี่ยวข้อง

สถานะทางกฎหมาย

เนื่องจากสิทธิบัตรเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีระยะเวลาในการคุ้มครองกำหนดไว้ตามกฎหมาย ซึ่งโดยส่วนมากแล้วจะอยู่ที่ 20 ปี สำหรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ หรือ 10 ปี สำหรับอนุสิทธิบัตร (มีกฎหมายคุ้มครองในบางประเทศ) ปกติแล้วคำขอรับสิทธิบัตรจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาประมาณ 2-3 ปีนับตั้งแต่วันที่มีการยื่นคำขอ จึงจะได้รับการจดทะเบียน จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลสิทธิบัตร ด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้องกับ Automation และ AI พบว่า สิทธิบัตรในกลุ่มเทคโนโลยีดังกล่าวที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองทั่วโลกในช่วง 10 ปีย้อนหลัง (2014-2024) สามารถจำแนกตามสถานะทางกฎหมายได้ดังต่อไปนี้

สถานะ

นิยาม

จำนวน 

สัดส่วน

ยังไม่สิ้นสุดความคุ้มครอง
(Active)

ได้รับจดทะเบียนแล้ว และมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย 

7,033 การประดิษฐ์

49%

ไม่สามารถระบุสถานะได้

(Pending/Unknow)

ไม่สามารถระบุสถานะได้ อาจอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ยังไม่ได้รับการประกาศโฆษณา หรืออยู่ระหว่างการพิพาท 

4,690 การประดิษฐ์

32%

สิ้นสุดความคุ้มครอง 

(Inactive/Discontinue/Expired)

ได้รับจดทะเบียนแล้ว แต่ไม่ได้มีการต่ออายุ
ถูกเพิกถอน หรือครบอายุความคุ้มครอง
จึงไม่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายอีกต่อไป 

2,727 การประดิษฐ์

19%

ข้อควรระวัง: สิทธิบัตรที่สิ้นสุดความคุ้มครองแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย แต่สาระสำคัญของการประดิษฐ์ยังคงถูกใช้ในการพิจารณาความใหม่ และขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น สำหรับการตรวจสอบสิทธิบัตรที่มีการ
ยื่นใหม่ ๆ อยู่

โดยการวิเคราะห์สถานะทางกฎหมายของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์ของเรา เป็นเครื่องมือสำคัญในการพิจารณาว่า การประดิษฐ์ของเรานั้น ตามหลังคู่แข่งอยู่มากน้อยเพียงใด โดยสามารถพิจารณาได้จากหลักเกณฑ์ต่อไปนี้

เงื่อนไข 

ความหมาย

สรุป 

สิทธิบัตรส่วนใหญ่
ยังไม่สิ้นสุดความคุ้มครอง 

เทรนด์เทคโนโลยีดังกล่าวกำลังเติบโตมาได้ประมาณ 3-4 ปี ซึ่งคำขอส่วนใหญ่ที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองเริ่มมีการทยอยได้รับจดทะเบียน

หากมีเทคโนโลยีในมือยังสามารถแข่งขันได้ แต่อาจมีการแข่งขันสูง ตามหลังคู่แข่งอยู่ประมาณ 3-4 ปี

สิทธิบัตรส่วนใหญ่
ไม่สามารถระบุสถานะได้ 

เทรนด์เทคโนยีดังกล่าวเพิ่งเริ่มได้รับความสนใจ
ยังไม่มีการแข่งขันสูงมากนัก ซึ่งสิทธิบัตรที่เคยมีการยื่นไปก่อนหน้ายังไม่ได้มีการยื่นไปนานพอที่จะได้รับการจดทะเบียน  

หากประเมินแล้วว่าเทคโนโลยี   จะมีมูลค่า ควรรีบเข้าแข่งขันในตลาดเนื่องจากคู่แข่งยังไม่ได้มี  การผลักดันการประดิษฐ์มากนัก 

สิทธิบัตรส่วนใหญ่
สิ้นสุดความคุ้มครองแล้ว 

เทรนด์เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีที่มี     การพัฒนาน้อยลง จนสิทธิบัตรที่มีการยื่นมา   ก่อนหน้าครบอายุความคุ้มครอง หรือไม่มี     ความคุ้มค่ามากเพียงพอในการดำเนินการต่ออายุ               การประดิษฐ์เหล่านี้จึงกลายเป็นสมบัติสาธารณะที่สามารถใช้ได้ร่วมกัน 

เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ได้มีความคุ้มค่าในการพัฒนาต่อ หรือไม่ได้มี     ขีดความสามารถในการสร้าง      ความได้เปรียบในการแข่งขันมากนัก 

Legal Status

รูปที่ 5 แสดงให้เห็นความหนาแน่นของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ Automation และ AI ในแต่ละ IPC
จากฐานข้อมูลสิทธิบัตร

เมื่อพิจารณาสถานะทางกฎหมายของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ Automation และ AI ในปัจจุบัน จะเห็นว่าคำขอส่วนใหญ่ยัง ไม่สิ้นสุดความคุ้มครอง และคำขอที่ไม่สามารถระบุสถานะอยู่ในสัดส่วนค่อนข้างสูง หมายความว่า เทคโนโลยีดังกล่าวยังคงมี การแข่งขัน และมีการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะยังคงขยายตัวเพิ่มเติมในทุก ๆ ปี การจัดหมวดหมู่การประดิษฐ์ตาม IPC
International Patent Classification (IPC) เป็นสัญลักษณ์ที่ถูกกำหนดโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ในการจำแนกประเภทของการประดิษฐ์ ลักษณะคล้ายกับการกำหนดรหัสต่าง ๆ ภายในห้องสมุดเพื่อกำหนดหมวดหมู่ของหนังสือแต่ละประเภท ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการสืบค้นและตรวจสอบสิทธิบัตร ซึ่ง IPC ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม Automation และ AI จะมีสัดส่วนที่เกี่ยวข้องกับ IPC ในกลุ่มต่อไปนี้เป็นจำนวนที่มากที่สุด

  • G06F: การประมวลผลข้อมูลดิจิทัลแบบไฟฟ้า
  • G06K: การอ่านข้อมูลแบบกราฟิก การนำเสนอข้อมูล สื่อบันทึก การจัดการสื่อบันทึก
  • G06N: การจัดเตรียมการคำนวณตามแบบจำลองการคำนวณเฉพาะ
  • G06Q: เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ที่ปรับให้เหมาะสมโดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์ด้านการบริหาร การพาณิชย์ การเงิน การจัดการ หรือการกำกับดูแล ระบบหรือวิธีการที่ปรับโดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์ด้าน การบริหาร การพาณิชย์ การเงิน การจัดการ หรือการกำกับดูแลที่ไม่ได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่น
  • H04L: การส่งข้อมูลดิจิทัล

ผู้เล่นหลักในกลุ่มอุตสาหกรรม

จากการสืบค้นสิทธิบัตรพบว่า ผู้เล่นหลักที่มีการยื่นขอรับสิทธิบัตรเกี่ยวกับ Automation และ AI จำนวนมากที่สุดส่วนใหญ่ เป็นบริษัทขนาดใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ถึงแม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะเน้นให้บริการด้านซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันเป็นหลักอยู่แล้ว แต่ก็มีบริษัทอีกจำนวนหนึ่งที่มาจากภาคส่วนอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีบางบริษัท เช่น Microsoft Corporation ที่มีการแตกบริษัทออกมาเป็น Microsoft Technology Licensing (MTL) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาของ Microsoft โดยเฉพาะ และดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยี

ผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรม อ้างอิงตามจำนวนสิทธิบัตรที่มีการยื่นคำขอ 

ชื่อบริษัท

สัญชาติ

อุตสาหกรรม

จำนวนคำขอ

IBM

สหรัฐอเมริกา

เทคโนโลยี 

474

MICROSOFT TECHNOLOGY LICENSING LLC. 

สหรัฐอเมริกา

เทคโนโลยี
(บริษัทในเครือที่ดำเนินการจัดการด้านทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทใหญ่)

464

CAPITAL ONE SERVICE LLC. 

สหรัฐอเมริกา 

การเงิน

253

AMAZON TECH INC. 

สหรัฐอเมริกา

เทคโนโลยี

(บริษัทในเครือของ Amazon ที่จัดตั้งเพื่อพัฒนาและจำหน่ายเทคโนโลยี )

251

LG ELECTRONICS INC.

เกาหลีใต้ 

คอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน 

236

ROCKWELL AUTOMATION TECH INC. 

สหรัฐอเมริกา 

เครื่องจักรและเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรม

210

MICROSOFT CORP. 

สหรัฐอเมริกา

เทคโนโลยี 

185

SIEMENS AG. 

เยอรมนี 

เครื่องจักรและเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรม

163

ACCENTURE GLOBAL SOLUTIONS LTD. 

ไอร์แลนด์ 

เทคโนโลยี

106

BANK OF AMERICA 

สหรัฐอเมริกา

การเงิน 

95

แหล่งที่มา: ประกาศโฆษณาสิทธิบัตรจากฐานข้อมูล Lens.org

ใน EP 2เราจะพูดถึงเรื่องของความสำคัญของอุตสาหกรรม Automation และ AI รวมไปถึง กรณีศึกษา: แนวทางการใช้งานหุ่นยนต์และ AI ในปัจจุบัน เเละ ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ และ AI ในภาคการผลิต สามารถศึกษาข้อมูลในเรื่องของหุ่นยนต์ได้ที่ บทความ : “หุ่นยนต์” ผลผลิตแห่งการพัฒนาสู่โลกอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หมายเหตุ: เนื้อหาในบทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานสัมมนา “อนาคตนวัตกรรมหุ่นยนต์ไทย” เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2568
ซึ่งได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.สุภชัย วงศ์บุณย์ยง ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และคุณณรงค์เดช โสภาโชติ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสิทธิบัตร ร่วมทำการแลกเปลี่ยน
หมายเหตุ 2: ผู้เขียนได้ทำการเขียนทับศัพท์ภาษาอังกฤษในคำศัพท์ทางเทคนิคบางส่วน เนื่องจากยังไม่พบคำแปลภาษาไทย
ที่สามารถสื่อความหมายได้ถูกต้องตามลักษณะเฉพาะมากที่สุด

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

อีเมล: [email protected]

โทร.: 02-011-7161 ถึง 6

Line: @idgthailand

Facebook: IDGThailand

เทคโนโลยีหุ่นยนต์ และ AI ทิศทางและแนวโน้มในอนาคต

สำหรับคนที่ติดตามข่าวสารด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอยู่เสมออาจสังเกตได้ว่า หนึ่งในอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นที่น่าจับตามองในปัจจุบัน ได้แก่ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ (Robotics) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) สังเกตได้จากแนวโน้มการลงทุนในหลากหลายภูมิภาคที่เริ่มมีการลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์เพิ่มขึ้นอย่างไม่ลดละ นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ยังได้รับความสนใจและการสนับสนุนจากรัฐบาลในหลายประเทศ เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดังกล่าวได้กลายเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดของการเป็นมหาอำนาจทางเทคโนโลยีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้ว่าเราในฐานะบริโภค อาจจะยังไม่ได้เห็นการเข้ามาของเทคโนโลยีโลยีหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์โดยตรงมากนักในชีวิตประจำวัน แต่สำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรมจำนวนมาก เทคโนโลยีเหล่านี้ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวกำหนดความอยู่รอดทางธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงได้มีการทยอยนำมาปรับใช้ในองค์กรอย่างต่อเนื่อง
ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินทางปัญญา ในนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงแนวโน้มด้านนวัตกรรมของเทคโนโลยีเหล่านี้ในปัจจุบัน

การดูแนวโน้มเทคโนโลยีด้วยฐานข้อมูลสิทธิบัตร

ปัจจุบันฐานข้อมูลสิทธิบัตรได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้พัฒนาเทคโนโลยี ในการศึกษาแนวโน้มของเทคโนโลยีที่กำลังเป็นไปอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อกำหนดแนวทางหรือกลยุทธ์ในการแข่งขัน เนื่องจากการยื่นขอรับสิทธิบัตรนั้น แทบจะกลายเป็นมาตรฐานขั้นต่ำในการคุ้มครองการประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่บริษัท และผู้พัฒนาต่าง ๆ จำเป็นต้องทำเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ดังนั้น ประกาศโฆษณาสิทธิบัตรในฐานข้อมูลต่าง ๆ จึงเป็นแหล่งอ้างอิงชั้นดีที่จะสืบค้นดูว่าคู่แข่งของเรา ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีอะไรไปแล้วบ้าง มีอะไรนำหน้าเรา หรือมีอะไรที่เรายังสามารถแข่งขันได้อยู่บ้าง

โดยทั่วไปแล้ว การสืบค้นสิทธิบัตรมีจุดประสงค์หลักดังต่อไปนี้
1..สืบค้นเพื่อเปรียบเทียบว่าการประดิษฐ์ของเรานั้นมีความใหม่ และขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้นหรือไม่ โดยเทียบสาระสำคัญกับสิทธิบัตรที่มีการประกาศโฆษณาไปก่อนหน้า เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการรับจดทะเบียน หากเราต้องการยื่นขอรับสิทธิบัตรในการประดิษฐ์นั้น ๆ (Patentability Search)

2.สืบค้นเพื่อดูสถานะทางกฎหมายของการประดิษฐ์ภายในประเทศนั้น ๆ เพื่อตรวจสอบว่าหากเราส่งสินค้า หรือนวัตกรรมไปจำหน่ายในประเทศนั้น จะมีโอกาสที่ไปทับซ้อนสิทธิบัตรของใครหรือไม่ เพื่อพิจารณาความเสี่ยงในการเป็นข้อพิพาทและถูกดำเนินการตามกฎหมาย รวมถึงการนำเข้าสินค้าหรือนวัตกรรมเข้ามาภายในประเทศด้วย (Freedom to Operate : FTO)
สืบค้นเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตร ดูแนวโน้มว่า 10 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เทรนด์ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรม เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาไปประกอบการพิจารณาว่าเทคโนโลยีที่เรากำลังพัฒนาตรงกับความต้องการของตลาดหรือไม่ หากเราเดินหน้าพัฒนาต่อจะมีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องรึเปล่า เพราะฉะนั้น ทางที่ดีแล้ว การวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตรจึงควรทำก่อนที่จะมีการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อประเมินความคุ้มค่าและความเสี่ยง (Patent Landscape Analysis)

เนื่องจากฐานข้อมูลสิทธิบัตรเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ มีคำขอสิทธิบัตรประกาศโฆษณาอยู่ประมาณ 160-170 ล้านฉบับจากสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาทั่วโลก ดังนั้นแล้ว ในการวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตรจึงควรมีการกำหนด Keyword ในการค้นหาอย่างแม่นยำ เพื่อลดจำนวนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์ที่นักวิเคราะห์สิทธิบัตรจะต้องนำมาร่วมพิจารณา โดยในบทความนี้ ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตรด้วยการกำหนดให้แสดงผลเฉพาะงาน “ระบบอัตโนมัติ” (Automation) ทั้งที่ใช้ร่วมกับอุปกรณ์ และใช้ภายในองค์กร และ “ปัญญาประดิษฐ์” (AI) ที่ถูกสร้างขึ้นจากกระบวนการ Deep Learning และ Machine Learning ที่จะถูกนำไปใช้งานร่วมกับระบบอัตโนมัติ

ภาพรวมของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลจากฐานข้อมูลสิทธิบัตร จากการตรวจสอบฐานข้อมูลสิทธิบัตร โดยกำหนด Keyword ในการค้นหาเป็น “Automation” และ “AI” ดังที่กล่าวไปในข้างต้น พบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2014-2024) มีการยื่นขอรับสิทธิบัตรในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมากขึ้นทุกปี หากคำนวณ CAGR แล้วจะอยู่ที่ 21.11% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร หรือเครื่องมือเครื่องใช้ทั่วไป ที่มักเติบโตอยู่เพียง 3-5% แสดงให้เห็นถึงความต้องการในเทคโนโลยี Automation และ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตทุกอุตสาหกรรมก็อาจเผชิญกับปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถส่งผลต่อการเติบโตได้ ไม่ว่าจะเป็น วิกฤตการณ์ ความต้องการที่เปลี่ยนไปของตลาด หรือนโยบายสาธารณะจากรัฐบาลที่สนับสนุน เช่นในอุตสาหกรรม Automation และ AI ที่มีจำนวนคำขอเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงระหว่างปี 2018–2020 อาจเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่กดดันให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งภาคการผลิตและการบริการจำเป็นต้องลดการใช้แรงงานมนุษย์เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค ส่งผลให้ธุรกิจต้องเริ่มนำเทคโนโลยี Automation และ AI มาปรับใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างการ Lock Down เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ก็ทำให้บริษัทต่าง ๆ เริ่มเห็นความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีมาทดแทนแรงงานมนุษย์ในลักษณะหรืองานที่หลากหลายมากขึ้น จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ความสนใจในการพัฒนาลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ในแผนภูมิดังกล่าว ช่วงระหว่างปี 2021–2023 อาจแสดงให้เห็นว่ามีอัตราการยื่นคำขอที่ลดลง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก็อาจยังสรุปไม่ได้ว่าความสนใจน้อยลง เนื่องจากคำขอที่ถูกยื่นไปในช่วงนั้นอาจยังไม่ได้รับการประกาศโฆษณา ซึ่งส่วนมากจะได้รับ การประกาศโฆษณาหลังจากการยื่นคำขอเป็นระยะเวลา 2–3 ปี นอกจากนี้ ในการวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตรนั้น โดยส่วนมากพิจารณาแค่เพียง 10 ปีย้อนหลังก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เนื่องจากหากเกินกว่านั้น สิทธิบัตรที่ปรากฏก็มักจะเป็นเทคโนโลยีที่เป็นรูปแบบเก่า ๆ หรือหมดอายุความคุ้มครองแล้ว อย่างไรก็ตาม ฐานข้อมูลสิทธิบัตรเป็นเพียงแหล่งข้อมูลหนึ่งที่สามารถช่วยใน การคาดการณ์หรือประเมินแนวโน้มของตลาดและเทคโนโลยีได้ หากทำการพิจารณาร่วมกับข้อมูลทางอื่น เช่น ตัวเลขทางการตลาด งานวิจัยอื่น ๆ ก็จะสามารถให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่หลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น

ภาพรวมของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลจากรายงาน World Intellectual Property Indicator 2024
World Intellectual Property Indicator เป็นรายงานที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization : WIPO) จัดทำเป็นประจำทุกปี ซึ่งจะทำการรวบรวมข้อมูลการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ จากสำนักงานสิทธิบัตรในแต่ละประเทศ เพื่อสรุปเป็นข้อมูลให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึง และนำข้อมูลไปใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตได้ นอกจากนี้ ข้อมูลที่ปรากฏในรายงานดังกล่าวไม่ได้มีเพียงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตรเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมรวมไปถึงทรัพย์สินทางปัญญาประเภทอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า และสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น
การใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลสิทธิบัตร และรายงาน World Intellectual Property Indicator อาจมีรายละเอียดและเทคนิคใน การใช้งานต่างกันเล็กน้อย ในขณะที่การสืบค้นด้วยฐานข้อมูลจะสามารถระบุขอบเขตในการค้นหา หรือ Keyword ได้อย่างเฉพาะเจาะจง และอัพเดทฐานข้อมูลค่อนข้างบ่อย รายงานฉบับนี้จะมีการเผยแพร่เป็นรายปี จึงอาจให้ข้อมูลที่ไม่เป็นปัจจุบันมากนัก และได้ทำการกำหนดหมวดหมู่ของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ Automation, Robotics และ AI ให้อยู่ภายใต้สาขาวิทยาการดังต่อไปนี้

  • สิทธิบัตรในหมวดหมู่ Digital Communication ภายใต้สาขาวิทยาการ Electrical Engineering ซึ่งมีสัดส่วนการยื่น
    คำขอคิดเป็น 5.3% จากจำนวนคำขอรับสิทธิบัตรทั้งหมดในปี 2022 และมีอัตราการยื่นคำขอเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% ในช่วงระหว่างปี 2012-2022
  • สิทธิบัตรในหมวดหมู่ Computer Technology ภายใต้สาขาวิทยาการ Electrical Engineering ซึ่งมีสัดส่วนการยื่นคำขอคิดเป็น 12.4% จากจำนวนคำขอรับสิทธิบัตรทั้งหมดในปี 2022 และมีอัตราการยื่นคำขอเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 10.7% ในช่วงระหว่างปี 2012-2022
  • สิทธิบัตรในหมวดหมู่ Control ภายใต้สาขาวิทยาการ Instruments ซึ่งมีสัดส่วนการยื่นคำขอคิดเป็น 2.3% จากจำนวนคำขอรับสิทธิบัตรทั้งหมดในปี 2022 และมีอัตราการยื่นคำขอเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 8.8% ในช่วงระหว่างปี 2012-2022

ถึงแม้ว่าข้อมูลจากรายงาน World Intellectual Property Indicator จะมีการเผยแพร่เพียงปีละครั้งเท่านั้น อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวยังถือว่าเป็นเอกสารที่มีความน่าเชื่อถือสูงและให้การยอมรับกันอย่างทั่วโลก เนื่องจากถูกจัดทำโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ที่มีการแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลกับสำนักงานสิทธิบัตรประเทศต่าง ๆ อยู่เสมอ รวมถึงบทวิเคราะห์ต่าง ๆ ภายในรายงาน ก็ถือว่ามีความน่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรู้แนวโน้มนวัตกรรมของโลก และสามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

สิทธิบัตรหุ่นยนต์
รูปที่ 3 แสดงให้เห็นจำนวนคำขอรับสิทธิบัตรเกี่ยวกับ Automation และ AI ประเทศที่มีการยื่นคำขอที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหุ่นยนต์

จากแผนภูมิข้างต้น จะเห็นได้ว่าประเทศที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองในสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ Automation และ AI มากที่สุด ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา ทิ้งห่างจากอันดับที่ 2 ซึ่งได้แก่ประเทศจีน (ไม่นับรวมถึงไต้หวัน ฮ่องกง และมาเก๊า) อยู่เกือบ 3 เท่า แสดงให้เห็นว่าผู้เล่นหลักที่กำลังครองตลาดในอุตสาหกรรมนี้ ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกาอยู่ แต่ก็ยังคงมีอีกหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมอาหารที่ประเทศจีนได้ขึ้นแท่นเป็นผู้เล่นหลักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยครองส่วนแบ่งคำขอรับสิทธิบัตรที่มีการยื่นไปอยู่ที่ 50-60% จากคำขอรับสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับอาหารทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ข้อควรทราบกรณีมีความสนใจที่จะนำแผนภูมิดังกล่าวไปใช้ประโยชน์เพิ่มเติม คือ แผนภูมินี้ไม่ได้มีการจัดหมวดหมู่ประเทศตามสัญชาติของผู้ยื่นคำขอ แต่จัดหมวดหมู่ตามสำนักงานรับคำขอ หรือก็คือสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของแต่ละประเทศนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น สำนักงานรับคำขอสิทธิบัตรของประเทศไทย ได้แก่ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ภายใต้สังกัดกระทรวงพาณิชย์ที่เรารู้จักกันดี ดังนั้นแล้ว สิทธิบัตรที่เป็นการประดิษฐ์เดียวกัน แต่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองในหลายประเทศ ก็จะถูกนับเป็นคำขอของทุกประเทศที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองเข้าไป หรือในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอถือสัญชาติไทย แต่ไปยื่นคำขอในสหรัฐอเมริกา คำขอดังกล่าวก็จะถูกนับเป็นคำขอที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นสำนักงานรับคำขอ

สำหรับผู้อ่านที่เพิ่งมีความสนใจด้านทรัพย์สินทางปัญญา และกำลังสงสัยว่า WO/WIPO หรือ EP ที่มีการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรเกี่ยวกับ Automation and AI เป็นอันดับ 3 และ 4 นั้น คือประเทศไหน ทำไมถึงมีการยื่นคำขอมากขนาดนั้น สามารถติดตามในย่อหน้าถัดไปได้ แต่สำหรับท่านที่คุ้นเคยกับระบบการยื่นสิทธิบัตรในต่างประเทศแล้ว สามารถข้ามไปที่หัวข้อถัดไปได้เลย

  • คำขอ WO/WIPO คือ คำขอรับสิทธิบัตรที่มีการยื่นผ่านระบบความร่วมมือด้านสิทธิบัตรระหว่างประเทศ (PCT) และได้รับการประกาศโฆษณาในฐานข้อมูลสิทธิบัตรโลก ก่อนที่จะมีการยื่นขอรับความคุ้มครองเข้าไปในรายประเทศ เพื่อลดขั้นตอนและความยุ่งยากในการจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นหลายประเทศ ซึ่งเจ้าของการประดิษฐ์ที่ถือสัญชาติไทยก็สามารถยื่นคำขอรับสิทธิบัตรด้วยระบบดังกล่าวได้เช่นกัน ผ่านกรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือตัวแทนสิทธิบัตรที่ได้รับอนุญาต
  • คำขอ EP คือคำขอรับสิทธิบัตรที่มีการยื่นต่อสำนักงานสิทธิบัตรยุโรป (European Patent Office : EPO) และได้รับ การประกาศโฆษณา ซึ่งสิทธิบัตรยุโรปที่ได้รับการจดทะเบียน จะสามารถบังคับยื่นเข้าประเทศสมาชิกเพื่อบังคับใช้สิทธิได้โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบการประดิษฐ์อีกครั้งในรายประเทศ ทั้งนี้ สิทธิในการยื่นสิทธิบัตรยุโรปไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะผู้ที่ถือสัญชาติของประเทศสมาชิกเท่านั้น เจ้าของการประดิษฐ์ที่ถือสัญชาติไทยก็สามารถยื่นได้เช่นกัน โดยสามารถยื่นด้วยตนเอง หรือผ่านตัวแทนสิทธิบัตรที่ได้รับอนุญาต

สัดส่วนของสิทธิบัตรภายใต้สาขาวิทยาการที่เกี่ยวข้อง
แบ่งตามรายประเทศ

สัดส่วนของสิทธิบัตรภายใต้สาขาวิทยาการที่เกี่ยวข้อง แบ่งตามรายประเทศ

รูปที่ 4 แสดงให้เห็นสัดส่วนของสิทธิบัตรภายใต้สาขาวิทยาการที่เกี่ยวข้อง จัดหมวดหมู่ตามรายประเทศ
จากรายงาน World Intellectual Property Indicator 2024

หากทำการเปรียบเทียบกันระหว่างข้อมูลจากรูปที่ 3 และรูปที่ 4 จะเห็นว่าประเทศที่มีการยื่นคำขอมากที่สุดของทั้งสองรูปมี ความสอดคล้อง และให้ข้อมูลเป็นไปตามทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือหากนับรวมคำขอที่มีการยื่นทั้งหมด สหรัฐอเมริกายังคงมีการยื่นคำขอในการประดิษฐ์ในอุตสาหกรรมนี้มากที่สุด ตามมาด้วยประเทศจีน แต่หากเราพิจารณาข้อมูลโดยแบ่งตามสาขาวิทยาการย่อยแล้ว จะเห็นว่าถึงแม้สหรัฐอเมริกาจะมีการยื่นคำขอที่เกี่ยวข้องกับ Digital Communication มากที่สุด แต่ถ้าหากเป็น Computer Technology แล้วนั้น ประเทศจีนจะมีการยื่นคำขอที่มากกว่าสหรัฐอเมริกาอยู่เล็กน้อย
นอกจากนี้ ข้อมูลอีกอย่างที่มีความน่าสนใจคือ ในส่วนของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Control ประเทศอินเดียนั้นถือว่าเป็นประเทศที่มีสัดส่วนการยื่นคำขอมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าเมื่อนับจำนวนคำขอทั้งหมด ประเทศอินเดียจะไม่ติดอันดับประเทศที่มี การยื่นคำขอในอุตสาหกรรมดังกล่าวมากที่สุด แต่ก็ยังคงครองแชมป์ในหลายกลุ่มเมื่อพิจารณารายสาขาวิทยาการที่เกี่ยวข้อง

สถานะทางกฎหมาย

เนื่องจากสิทธิบัตรเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีระยะเวลาในการคุ้มครองกำหนดไว้ตามกฎหมาย ซึ่งโดยส่วนมากแล้วจะอยู่ที่ 20 ปี สำหรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ หรือ 10 ปี สำหรับอนุสิทธิบัตร (มีกฎหมายคุ้มครองในบางประเทศ) ปกติแล้วคำขอรับสิทธิบัตรจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาประมาณ 2-3 ปีนับตั้งแต่วันที่มีการยื่นคำขอ จึงจะได้รับการจดทะเบียน จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลสิทธิบัตร ด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้องกับ Automation และ AI พบว่า สิทธิบัตรในกลุ่มเทคโนโลยีดังกล่าวที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองทั่วโลกในช่วง 10 ปีย้อนหลัง (2014-2024) สามารถจำแนกตามสถานะทางกฎหมายได้ดังต่อไปนี้

สถานะ

นิยาม

จำนวน 

สัดส่วน

ยังไม่สิ้นสุดความคุ้มครอง
(Active)

ได้รับจดทะเบียนแล้ว และมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย 

7,033 การประดิษฐ์

49%

ไม่สามารถระบุสถานะได้

(Pending/Unknow)

ไม่สามารถระบุสถานะได้ อาจอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ยังไม่ได้รับการประกาศโฆษณา หรืออยู่ระหว่างการพิพาท 

4,690 การประดิษฐ์

32%

สิ้นสุดความคุ้มครอง 

(Inactive/Discontinue/Expired)

ได้รับจดทะเบียนแล้ว แต่ไม่ได้มีการต่ออายุ
ถูกเพิกถอน หรือครบอายุความคุ้มครอง
จึงไม่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายอีกต่อไป 

2,727 การประดิษฐ์

19%

ข้อควรระวัง: สิทธิบัตรที่สิ้นสุดความคุ้มครองแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย แต่สาระสำคัญของการประดิษฐ์ยังคงถูกใช้ในการพิจารณาความใหม่ และขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น สำหรับการตรวจสอบสิทธิบัตรที่มีการ
ยื่นใหม่ ๆ อยู่

โดยการวิเคราะห์สถานะทางกฎหมายของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์ของเรา เป็นเครื่องมือสำคัญในการพิจารณาว่า การประดิษฐ์ของเรานั้น ตามหลังคู่แข่งอยู่มากน้อยเพียงใด โดยสามารถพิจารณาได้จากหลักเกณฑ์ต่อไปนี้

เงื่อนไข 

ความหมาย

สรุป 

สิทธิบัตรส่วนใหญ่
ยังไม่สิ้นสุดความคุ้มครอง 

เทรนด์เทคโนโลยีดังกล่าวกำลังเติบโตมาได้ประมาณ 3-4 ปี ซึ่งคำขอส่วนใหญ่ที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองเริ่มมีการทยอยได้รับจดทะเบียน

หากมีเทคโนโลยีในมือยังสามารถแข่งขันได้ แต่อาจมีการแข่งขันสูง ตามหลังคู่แข่งอยู่ประมาณ 3-4 ปี

สิทธิบัตรส่วนใหญ่
ไม่สามารถระบุสถานะได้ 

เทรนด์เทคโนยีดังกล่าวเพิ่งเริ่มได้รับความสนใจ
ยังไม่มีการแข่งขันสูงมากนัก ซึ่งสิทธิบัตรที่เคยมีการยื่นไปก่อนหน้ายังไม่ได้มีการยื่นไปนานพอที่จะได้รับการจดทะเบียน  

หากประเมินแล้วว่าเทคโนโลยี   จะมีมูลค่า ควรรีบเข้าแข่งขันในตลาดเนื่องจากคู่แข่งยังไม่ได้มี  การผลักดันการประดิษฐ์มากนัก 

สิทธิบัตรส่วนใหญ่
สิ้นสุดความคุ้มครองแล้ว 

เทรนด์เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีที่มี     การพัฒนาน้อยลง จนสิทธิบัตรที่มีการยื่นมา   ก่อนหน้าครบอายุความคุ้มครอง หรือไม่มี     ความคุ้มค่ามากเพียงพอในการดำเนินการต่ออายุ               การประดิษฐ์เหล่านี้จึงกลายเป็นสมบัติสาธารณะที่สามารถใช้ได้ร่วมกัน 

เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ได้มีความคุ้มค่าในการพัฒนาต่อ หรือไม่ได้มี     ขีดความสามารถในการสร้าง      ความได้เปรียบในการแข่งขันมากนัก 

Legal Status

รูปที่ 5 แสดงให้เห็นความหนาแน่นของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ Automation และ AI ในแต่ละ IPC
จากฐานข้อมูลสิทธิบัตร

เมื่อพิจารณาสถานะทางกฎหมายของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ Automation และ AI ในปัจจุบัน จะเห็นว่าคำขอส่วนใหญ่ยัง ไม่สิ้นสุดความคุ้มครอง และคำขอที่ไม่สามารถระบุสถานะอยู่ในสัดส่วนค่อนข้างสูง หมายความว่า เทคโนโลยีดังกล่าวยังคงมี การแข่งขัน และมีการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะยังคงขยายตัวเพิ่มเติมในทุก ๆ ปี การจัดหมวดหมู่การประดิษฐ์ตาม IPC
International Patent Classification (IPC) เป็นสัญลักษณ์ที่ถูกกำหนดโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ในการจำแนกประเภทของการประดิษฐ์ ลักษณะคล้ายกับการกำหนดรหัสต่าง ๆ ภายในห้องสมุดเพื่อกำหนดหมวดหมู่ของหนังสือแต่ละประเภท ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการสืบค้นและตรวจสอบสิทธิบัตร ซึ่ง IPC ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม Automation และ AI จะมีสัดส่วนที่เกี่ยวข้องกับ IPC ในกลุ่มต่อไปนี้เป็นจำนวนที่มากที่สุด

  • G06F: การประมวลผลข้อมูลดิจิทัลแบบไฟฟ้า
  • G06K: การอ่านข้อมูลแบบกราฟิก การนำเสนอข้อมูล สื่อบันทึก การจัดการสื่อบันทึก
  • G06N: การจัดเตรียมการคำนวณตามแบบจำลองการคำนวณเฉพาะ
  • G06Q: เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ที่ปรับให้เหมาะสมโดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์ด้านการบริหาร การพาณิชย์ การเงิน การจัดการ หรือการกำกับดูแล ระบบหรือวิธีการที่ปรับโดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์ด้าน การบริหาร การพาณิชย์ การเงิน การจัดการ หรือการกำกับดูแลที่ไม่ได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่น
  • H04L: การส่งข้อมูลดิจิทัล

ผู้เล่นหลักในกลุ่มอุตสาหกรรม

จากการสืบค้นสิทธิบัตรพบว่า ผู้เล่นหลักที่มีการยื่นขอรับสิทธิบัตรเกี่ยวกับ Automation และ AI จำนวนมากที่สุดส่วนใหญ่ เป็นบริษัทขนาดใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ถึงแม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะเน้นให้บริการด้านซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันเป็นหลักอยู่แล้ว แต่ก็มีบริษัทอีกจำนวนหนึ่งที่มาจากภาคส่วนอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีบางบริษัท เช่น Microsoft Corporation ที่มีการแตกบริษัทออกมาเป็น Microsoft Technology Licensing (MTL) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาของ Microsoft โดยเฉพาะ และดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยี

ผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรม อ้างอิงตามจำนวนสิทธิบัตรที่มีการยื่นคำขอ 

ชื่อบริษัท

สัญชาติ

อุตสาหกรรม

จำนวนคำขอ

IBM

สหรัฐอเมริกา

เทคโนโลยี 

474

MICROSOFT TECHNOLOGY LICENSING LLC. 

สหรัฐอเมริกา

เทคโนโลยี
(บริษัทในเครือที่ดำเนินการจัดการด้านทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทใหญ่)

464

CAPITAL ONE SERVICE LLC. 

สหรัฐอเมริกา 

การเงิน

253

AMAZON TECH INC. 

สหรัฐอเมริกา

เทคโนโลยี

(บริษัทในเครือของ Amazon ที่จัดตั้งเพื่อพัฒนาและจำหน่ายเทคโนโลยี )

251

LG ELECTRONICS INC.

เกาหลีใต้ 

คอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน 

236

ROCKWELL AUTOMATION TECH INC. 

สหรัฐอเมริกา 

เครื่องจักรและเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรม

210

MICROSOFT CORP. 

สหรัฐอเมริกา

เทคโนโลยี 

185

SIEMENS AG. 

เยอรมนี 

เครื่องจักรและเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรม

163

ACCENTURE GLOBAL SOLUTIONS LTD. 

ไอร์แลนด์ 

เทคโนโลยี

106

BANK OF AMERICA 

สหรัฐอเมริกา

การเงิน 

95

แหล่งที่มา: ประกาศโฆษณาสิทธิบัตรจากฐานข้อมูล Lens.org

ใน EP 2เราจะพูดถึงเรื่องของความสำคัญของอุตสาหกรรม Automation และ AI รวมไปถึง กรณีศึกษา: แนวทางการใช้งานหุ่นยนต์และ AI ในปัจจุบัน เเละ ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ และ AI ในภาคการผลิต สามารถศึกษาข้อมูลในเรื่องของหุ่นยนต์ได้ที่ บทความ : “หุ่นยนต์” ผลผลิตแห่งการพัฒนาสู่โลกอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หมายเหตุ: เนื้อหาในบทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานสัมมนา “อนาคตนวัตกรรมหุ่นยนต์ไทย” เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2568
ซึ่งได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.สุภชัย วงศ์บุณย์ยง ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และคุณณรงค์เดช โสภาโชติ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสิทธิบัตร ร่วมทำการแลกเปลี่ยน
หมายเหตุ 2: ผู้เขียนได้ทำการเขียนทับศัพท์ภาษาอังกฤษในคำศัพท์ทางเทคนิคบางส่วน เนื่องจากยังไม่พบคำแปลภาษาไทย
ที่สามารถสื่อความหมายได้ถูกต้องตามลักษณะเฉพาะมากที่สุด

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

อีเมล: [email protected]

โทร.: 02-011-7161 ถึง 6

Line: @idgthailand

Facebook: IDGThailand

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ IDG

ผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำแนะนำคุณอย่างเต็มที่

ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญ