
สำหรับคนที่ติดตามข่าวสารด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอยู่เสมออาจสังเกตได้ว่า หนึ่งในอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นที่น่าจับตามองในปัจจุบัน ได้แก่ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ (Robotics) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) สังเกตได้จากแนวโน้มการลงทุนในหลากหลายภูมิภาคที่เริ่มมีการลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์เพิ่มขึ้นอย่างไม่ลดละ นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ยังได้รับความสนใจและการสนับสนุนจากรัฐบาลในหลายประเทศ เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดังกล่าวได้กลายเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดของการเป็นมหาอำนาจทางเทคโนโลยีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ว่าเราในฐานะบริโภค อาจจะยังไม่ได้เห็นการเข้ามาของเทคโนโลยีโลยีหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์โดยตรงมากนักในชีวิตประจำวัน แต่สำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรมจำนวนมาก เทคโนโลยีเหล่านี้ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวกำหนดความอยู่รอดทางธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงได้มีการทยอยนำมาปรับใช้ในองค์กรอย่างต่อเนื่อง
ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินทางปัญญา ในนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงแนวโน้มด้านนวัตกรรมของเทคโนโลยีเหล่านี้ในปัจจุบัน
การดูแนวโน้มเทคโนโลยีด้วยฐานข้อมูลสิทธิบัตร
ปัจจุบันฐานข้อมูลสิทธิบัตรได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้พัฒนาเทคโนโลยี ในการศึกษาแนวโน้มของเทคโนโลยีที่กำลังเป็นไปอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อกำหนดแนวทางหรือกลยุทธ์ในการแข่งขัน เนื่องจากการยื่นขอรับสิทธิบัตรนั้น แทบจะกลายเป็นมาตรฐานขั้นต่ำในการคุ้มครองการประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่บริษัท และผู้พัฒนาต่าง ๆ จำเป็นต้องทำเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ดังนั้น ประกาศโฆษณาสิทธิบัตรในฐานข้อมูลต่าง ๆ จึงเป็นแหล่งอ้างอิงชั้นดีที่จะสืบค้นดูว่าคู่แข่งของเรา ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีอะไรไปแล้วบ้าง มีอะไรนำหน้าเรา หรือมีอะไรที่เรายังสามารถแข่งขันได้อยู่บ้าง
โดยทั่วไปแล้ว การสืบค้นสิทธิบัตรมีจุดประสงค์หลักดังต่อไปนี้
1..สืบค้นเพื่อเปรียบเทียบว่าการประดิษฐ์ของเรานั้นมีความใหม่ และขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้นหรือไม่ โดยเทียบสาระสำคัญกับสิทธิบัตรที่มีการประกาศโฆษณาไปก่อนหน้า เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการรับจดทะเบียน หากเราต้องการยื่นขอรับสิทธิบัตรในการประดิษฐ์นั้น ๆ (Patentability Search)
2.สืบค้นเพื่อดูสถานะทางกฎหมายของการประดิษฐ์ภายในประเทศนั้น ๆ เพื่อตรวจสอบว่าหากเราส่งสินค้า หรือนวัตกรรมไปจำหน่ายในประเทศนั้น จะมีโอกาสที่ไปทับซ้อนสิทธิบัตรของใครหรือไม่ เพื่อพิจารณาความเสี่ยงในการเป็นข้อพิพาทและถูกดำเนินการตามกฎหมาย รวมถึงการนำเข้าสินค้าหรือนวัตกรรมเข้ามาภายในประเทศด้วย (Freedom to Operate : FTO)
สืบค้นเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตร ดูแนวโน้มว่า 10 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เทรนด์ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรม เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาไปประกอบการพิจารณาว่าเทคโนโลยีที่เรากำลังพัฒนาตรงกับความต้องการของตลาดหรือไม่ หากเราเดินหน้าพัฒนาต่อจะมีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องรึเปล่า เพราะฉะนั้น ทางที่ดีแล้ว การวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตรจึงควรทำก่อนที่จะมีการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อประเมินความคุ้มค่าและความเสี่ยง (Patent Landscape Analysis)
เนื่องจากฐานข้อมูลสิทธิบัตรเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ มีคำขอสิทธิบัตรประกาศโฆษณาอยู่ประมาณ 160-170 ล้านฉบับจากสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาทั่วโลก ดังนั้นแล้ว ในการวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตรจึงควรมีการกำหนด Keyword ในการค้นหาอย่างแม่นยำ เพื่อลดจำนวนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์ที่นักวิเคราะห์สิทธิบัตรจะต้องนำมาร่วมพิจารณา โดยในบทความนี้ ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตรด้วยการกำหนดให้แสดงผลเฉพาะงาน “ระบบอัตโนมัติ” (Automation) ทั้งที่ใช้ร่วมกับอุปกรณ์ และใช้ภายในองค์กร และ “ปัญญาประดิษฐ์” (AI) ที่ถูกสร้างขึ้นจากกระบวนการ Deep Learning และ Machine Learning ที่จะถูกนำไปใช้งานร่วมกับระบบอัตโนมัติ
ภาพรวมของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลจากฐานข้อมูลสิทธิบัตร จากการตรวจสอบฐานข้อมูลสิทธิบัตร โดยกำหนด Keyword ในการค้นหาเป็น “Automation” และ “AI” ดังที่กล่าวไปในข้างต้น พบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2014-2024) มีการยื่นขอรับสิทธิบัตรในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมากขึ้นทุกปี หากคำนวณ CAGR แล้วจะอยู่ที่ 21.11% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร หรือเครื่องมือเครื่องใช้ทั่วไป ที่มักเติบโตอยู่เพียง 3-5% แสดงให้เห็นถึงความต้องการในเทคโนโลยี Automation และ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตทุกอุตสาหกรรมก็อาจเผชิญกับปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถส่งผลต่อการเติบโตได้ ไม่ว่าจะเป็น วิกฤตการณ์ ความต้องการที่เปลี่ยนไปของตลาด หรือนโยบายสาธารณะจากรัฐบาลที่สนับสนุน เช่นในอุตสาหกรรม Automation และ AI ที่มีจำนวนคำขอเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงระหว่างปี 2018–2020 อาจเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่กดดันให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งภาคการผลิตและการบริการจำเป็นต้องลดการใช้แรงงานมนุษย์เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค ส่งผลให้ธุรกิจต้องเริ่มนำเทคโนโลยี Automation และ AI มาปรับใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างการ Lock Down เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ก็ทำให้บริษัทต่าง ๆ เริ่มเห็นความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีมาทดแทนแรงงานมนุษย์ในลักษณะหรืองานที่หลากหลายมากขึ้น จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ความสนใจในการพัฒนาลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในแผนภูมิดังกล่าว ช่วงระหว่างปี 2021–2023 อาจแสดงให้เห็นว่ามีอัตราการยื่นคำขอที่ลดลง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก็อาจยังสรุปไม่ได้ว่าความสนใจน้อยลง เนื่องจากคำขอที่ถูกยื่นไปในช่วงนั้นอาจยังไม่ได้รับการประกาศโฆษณา ซึ่งส่วนมากจะได้รับ การประกาศโฆษณาหลังจากการยื่นคำขอเป็นระยะเวลา 2–3 ปี นอกจากนี้ ในการวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตรนั้น โดยส่วนมากพิจารณาแค่เพียง 10 ปีย้อนหลังก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เนื่องจากหากเกินกว่านั้น สิทธิบัตรที่ปรากฏก็มักจะเป็นเทคโนโลยีที่เป็นรูปแบบเก่า ๆ หรือหมดอายุความคุ้มครองแล้ว อย่างไรก็ตาม ฐานข้อมูลสิทธิบัตรเป็นเพียงแหล่งข้อมูลหนึ่งที่สามารถช่วยใน การคาดการณ์หรือประเมินแนวโน้มของตลาดและเทคโนโลยีได้ หากทำการพิจารณาร่วมกับข้อมูลทางอื่น เช่น ตัวเลขทางการตลาด งานวิจัยอื่น ๆ ก็จะสามารถให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่หลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลจากรายงาน World Intellectual Property Indicator 2024
World Intellectual Property Indicator เป็นรายงานที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization : WIPO) จัดทำเป็นประจำทุกปี ซึ่งจะทำการรวบรวมข้อมูลการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ จากสำนักงานสิทธิบัตรในแต่ละประเทศ เพื่อสรุปเป็นข้อมูลให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึง และนำข้อมูลไปใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตได้ นอกจากนี้ ข้อมูลที่ปรากฏในรายงานดังกล่าวไม่ได้มีเพียงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตรเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมรวมไปถึงทรัพย์สินทางปัญญาประเภทอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า และสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น
การใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลสิทธิบัตร และรายงาน World Intellectual Property Indicator อาจมีรายละเอียดและเทคนิคใน การใช้งานต่างกันเล็กน้อย ในขณะที่การสืบค้นด้วยฐานข้อมูลจะสามารถระบุขอบเขตในการค้นหา หรือ Keyword ได้อย่างเฉพาะเจาะจง และอัพเดทฐานข้อมูลค่อนข้างบ่อย รายงานฉบับนี้จะมีการเผยแพร่เป็นรายปี จึงอาจให้ข้อมูลที่ไม่เป็นปัจจุบันมากนัก และได้ทำการกำหนดหมวดหมู่ของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ Automation, Robotics และ AI ให้อยู่ภายใต้สาขาวิทยาการดังต่อไปนี้
- สิทธิบัตรในหมวดหมู่ Digital Communication ภายใต้สาขาวิทยาการ Electrical Engineering ซึ่งมีสัดส่วนการยื่น
คำขอคิดเป็น 5.3% จากจำนวนคำขอรับสิทธิบัตรทั้งหมดในปี 2022 และมีอัตราการยื่นคำขอเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% ในช่วงระหว่างปี 2012-2022 - สิทธิบัตรในหมวดหมู่ Computer Technology ภายใต้สาขาวิทยาการ Electrical Engineering ซึ่งมีสัดส่วนการยื่นคำขอคิดเป็น 12.4% จากจำนวนคำขอรับสิทธิบัตรทั้งหมดในปี 2022 และมีอัตราการยื่นคำขอเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 10.7% ในช่วงระหว่างปี 2012-2022
- สิทธิบัตรในหมวดหมู่ Control ภายใต้สาขาวิทยาการ Instruments ซึ่งมีสัดส่วนการยื่นคำขอคิดเป็น 2.3% จากจำนวนคำขอรับสิทธิบัตรทั้งหมดในปี 2022 และมีอัตราการยื่นคำขอเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 8.8% ในช่วงระหว่างปี 2012-2022
ถึงแม้ว่าข้อมูลจากรายงาน World Intellectual Property Indicator จะมีการเผยแพร่เพียงปีละครั้งเท่านั้น อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวยังถือว่าเป็นเอกสารที่มีความน่าเชื่อถือสูงและให้การยอมรับกันอย่างทั่วโลก เนื่องจากถูกจัดทำโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ที่มีการแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลกับสำนักงานสิทธิบัตรประเทศต่าง ๆ อยู่เสมอ รวมถึงบทวิเคราะห์ต่าง ๆ ภายในรายงาน ก็ถือว่ามีความน่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรู้แนวโน้มนวัตกรรมของโลก และสามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย


จากแผนภูมิข้างต้น จะเห็นได้ว่าประเทศที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองในสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ Automation และ AI มากที่สุด ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา ทิ้งห่างจากอันดับที่ 2 ซึ่งได้แก่ประเทศจีน (ไม่นับรวมถึงไต้หวัน ฮ่องกง และมาเก๊า) อยู่เกือบ 3 เท่า แสดงให้เห็นว่าผู้เล่นหลักที่กำลังครองตลาดในอุตสาหกรรมนี้ ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกาอยู่ แต่ก็ยังคงมีอีกหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมอาหารที่ประเทศจีนได้ขึ้นแท่นเป็นผู้เล่นหลักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยครองส่วนแบ่งคำขอรับสิทธิบัตรที่มีการยื่นไปอยู่ที่ 50-60% จากคำขอรับสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับอาหารทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ข้อควรทราบกรณีมีความสนใจที่จะนำแผนภูมิดังกล่าวไปใช้ประโยชน์เพิ่มเติม คือ แผนภูมินี้ไม่ได้มีการจัดหมวดหมู่ประเทศตามสัญชาติของผู้ยื่นคำขอ แต่จัดหมวดหมู่ตามสำนักงานรับคำขอ หรือก็คือสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของแต่ละประเทศนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น สำนักงานรับคำขอสิทธิบัตรของประเทศไทย ได้แก่ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ภายใต้สังกัดกระทรวงพาณิชย์ที่เรารู้จักกันดี ดังนั้นแล้ว สิทธิบัตรที่เป็นการประดิษฐ์เดียวกัน แต่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองในหลายประเทศ ก็จะถูกนับเป็นคำขอของทุกประเทศที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองเข้าไป หรือในกรณีที่ผู้ยื่นคำขอถือสัญชาติไทย แต่ไปยื่นคำขอในสหรัฐอเมริกา คำขอดังกล่าวก็จะถูกนับเป็นคำขอที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นสำนักงานรับคำขอ
สำหรับผู้อ่านที่เพิ่งมีความสนใจด้านทรัพย์สินทางปัญญา และกำลังสงสัยว่า WO/WIPO หรือ EP ที่มีการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรเกี่ยวกับ Automation and AI เป็นอันดับ 3 และ 4 นั้น คือประเทศไหน ทำไมถึงมีการยื่นคำขอมากขนาดนั้น สามารถติดตามในย่อหน้าถัดไปได้ แต่สำหรับท่านที่คุ้นเคยกับระบบการยื่นสิทธิบัตรในต่างประเทศแล้ว สามารถข้ามไปที่หัวข้อถัดไปได้เลย
- คำขอ WO/WIPO คือ คำขอรับสิทธิบัตรที่มีการยื่นผ่านระบบความร่วมมือด้านสิทธิบัตรระหว่างประเทศ (PCT) และได้รับการประกาศโฆษณาในฐานข้อมูลสิทธิบัตรโลก ก่อนที่จะมีการยื่นขอรับความคุ้มครองเข้าไปในรายประเทศ เพื่อลดขั้นตอนและความยุ่งยากในการจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นหลายประเทศ ซึ่งเจ้าของการประดิษฐ์ที่ถือสัญชาติไทยก็สามารถยื่นคำขอรับสิทธิบัตรด้วยระบบดังกล่าวได้เช่นกัน ผ่านกรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือตัวแทนสิทธิบัตรที่ได้รับอนุญาต
- คำขอ EP คือคำขอรับสิทธิบัตรที่มีการยื่นต่อสำนักงานสิทธิบัตรยุโรป (European Patent Office : EPO) และได้รับ การประกาศโฆษณา ซึ่งสิทธิบัตรยุโรปที่ได้รับการจดทะเบียน จะสามารถบังคับยื่นเข้าประเทศสมาชิกเพื่อบังคับใช้สิทธิได้โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบการประดิษฐ์อีกครั้งในรายประเทศ ทั้งนี้ สิทธิในการยื่นสิทธิบัตรยุโรปไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะผู้ที่ถือสัญชาติของประเทศสมาชิกเท่านั้น เจ้าของการประดิษฐ์ที่ถือสัญชาติไทยก็สามารถยื่นได้เช่นกัน โดยสามารถยื่นด้วยตนเอง หรือผ่านตัวแทนสิทธิบัตรที่ได้รับอนุญาต
สัดส่วนของสิทธิบัตรภายใต้สาขาวิทยาการที่เกี่ยวข้อง
แบ่งตามรายประเทศ

รูปที่ 4 แสดงให้เห็นสัดส่วนของสิทธิบัตรภายใต้สาขาวิทยาการที่เกี่ยวข้อง จัดหมวดหมู่ตามรายประเทศ
จากรายงาน World Intellectual Property Indicator 2024
หากทำการเปรียบเทียบกันระหว่างข้อมูลจากรูปที่ 3 และรูปที่ 4 จะเห็นว่าประเทศที่มีการยื่นคำขอมากที่สุดของทั้งสองรูปมี ความสอดคล้อง และให้ข้อมูลเป็นไปตามทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือหากนับรวมคำขอที่มีการยื่นทั้งหมด สหรัฐอเมริกายังคงมีการยื่นคำขอในการประดิษฐ์ในอุตสาหกรรมนี้มากที่สุด ตามมาด้วยประเทศจีน แต่หากเราพิจารณาข้อมูลโดยแบ่งตามสาขาวิทยาการย่อยแล้ว จะเห็นว่าถึงแม้สหรัฐอเมริกาจะมีการยื่นคำขอที่เกี่ยวข้องกับ Digital Communication มากที่สุด แต่ถ้าหากเป็น Computer Technology แล้วนั้น ประเทศจีนจะมีการยื่นคำขอที่มากกว่าสหรัฐอเมริกาอยู่เล็กน้อย
นอกจากนี้ ข้อมูลอีกอย่างที่มีความน่าสนใจคือ ในส่วนของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Control ประเทศอินเดียนั้นถือว่าเป็นประเทศที่มีสัดส่วนการยื่นคำขอมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าเมื่อนับจำนวนคำขอทั้งหมด ประเทศอินเดียจะไม่ติดอันดับประเทศที่มี การยื่นคำขอในอุตสาหกรรมดังกล่าวมากที่สุด แต่ก็ยังคงครองแชมป์ในหลายกลุ่มเมื่อพิจารณารายสาขาวิทยาการที่เกี่ยวข้อง
สถานะทางกฎหมาย
เนื่องจากสิทธิบัตรเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีระยะเวลาในการคุ้มครองกำหนดไว้ตามกฎหมาย ซึ่งโดยส่วนมากแล้วจะอยู่ที่ 20 ปี สำหรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ หรือ 10 ปี สำหรับอนุสิทธิบัตร (มีกฎหมายคุ้มครองในบางประเทศ) ปกติแล้วคำขอรับสิทธิบัตรจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาประมาณ 2-3 ปีนับตั้งแต่วันที่มีการยื่นคำขอ จึงจะได้รับการจดทะเบียน จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลสิทธิบัตร ด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้องกับ Automation และ AI พบว่า สิทธิบัตรในกลุ่มเทคโนโลยีดังกล่าวที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองทั่วโลกในช่วง 10 ปีย้อนหลัง (2014-2024) สามารถจำแนกตามสถานะทางกฎหมายได้ดังต่อไปนี้
สถานะ |
นิยาม |
จำนวน |
สัดส่วน |
ยังไม่สิ้นสุดความคุ้มครอง |
ได้รับจดทะเบียนแล้ว และมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย |
7,033 การประดิษฐ์ |
49% |
ไม่สามารถระบุสถานะได้ (Pending/Unknow) |
ไม่สามารถระบุสถานะได้ อาจอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ยังไม่ได้รับการประกาศโฆษณา หรืออยู่ระหว่างการพิพาท |
4,690 การประดิษฐ์ |
32% |
สิ้นสุดความคุ้มครอง (Inactive/Discontinue/Expired) |
ได้รับจดทะเบียนแล้ว แต่ไม่ได้มีการต่ออายุ |
2,727 การประดิษฐ์ |
19% |
ข้อควรระวัง: สิทธิบัตรที่สิ้นสุดความคุ้มครองแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย แต่สาระสำคัญของการประดิษฐ์ยังคงถูกใช้ในการพิจารณาความใหม่ และขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น สำหรับการตรวจสอบสิทธิบัตรที่มีการ |
โดยการวิเคราะห์สถานะทางกฎหมายของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์ของเรา เป็นเครื่องมือสำคัญในการพิจารณาว่า การประดิษฐ์ของเรานั้น ตามหลังคู่แข่งอยู่มากน้อยเพียงใด โดยสามารถพิจารณาได้จากหลักเกณฑ์ต่อไปนี้
เงื่อนไข |
ความหมาย |
สรุป |
สิทธิบัตรส่วนใหญ่ |
เทรนด์เทคโนโลยีดังกล่าวกำลังเติบโตมาได้ประมาณ 3-4 ปี ซึ่งคำขอส่วนใหญ่ที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองเริ่มมีการทยอยได้รับจดทะเบียน |
หากมีเทคโนโลยีในมือยังสามารถแข่งขันได้ แต่อาจมีการแข่งขันสูง ตามหลังคู่แข่งอยู่ประมาณ 3-4 ปี |
สิทธิบัตรส่วนใหญ่ |
เทรนด์เทคโนยีดังกล่าวเพิ่งเริ่มได้รับความสนใจ |
หากประเมินแล้วว่าเทคโนโลยี จะมีมูลค่า ควรรีบเข้าแข่งขันในตลาดเนื่องจากคู่แข่งยังไม่ได้มี การผลักดันการประดิษฐ์มากนัก |
สิทธิบัตรส่วนใหญ่ |
เทรนด์เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีที่มี การพัฒนาน้อยลง จนสิทธิบัตรที่มีการยื่นมา ก่อนหน้าครบอายุความคุ้มครอง หรือไม่มี ความคุ้มค่ามากเพียงพอในการดำเนินการต่ออายุ การประดิษฐ์เหล่านี้จึงกลายเป็นสมบัติสาธารณะที่สามารถใช้ได้ร่วมกัน |
เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ได้มีความคุ้มค่าในการพัฒนาต่อ หรือไม่ได้มี ขีดความสามารถในการสร้าง ความได้เปรียบในการแข่งขันมากนัก |

รูปที่ 5 แสดงให้เห็นความหนาแน่นของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ Automation และ AI ในแต่ละ IPC
จากฐานข้อมูลสิทธิบัตร
เมื่อพิจารณาสถานะทางกฎหมายของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ Automation และ AI ในปัจจุบัน จะเห็นว่าคำขอส่วนใหญ่ยัง ไม่สิ้นสุดความคุ้มครอง และคำขอที่ไม่สามารถระบุสถานะอยู่ในสัดส่วนค่อนข้างสูง หมายความว่า เทคโนโลยีดังกล่าวยังคงมี การแข่งขัน และมีการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะยังคงขยายตัวเพิ่มเติมในทุก ๆ ปี การจัดหมวดหมู่การประดิษฐ์ตาม IPC
International Patent Classification (IPC) เป็นสัญลักษณ์ที่ถูกกำหนดโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ในการจำแนกประเภทของการประดิษฐ์ ลักษณะคล้ายกับการกำหนดรหัสต่าง ๆ ภายในห้องสมุดเพื่อกำหนดหมวดหมู่ของหนังสือแต่ละประเภท ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการสืบค้นและตรวจสอบสิทธิบัตร ซึ่ง IPC ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม Automation และ AI จะมีสัดส่วนที่เกี่ยวข้องกับ IPC ในกลุ่มต่อไปนี้เป็นจำนวนที่มากที่สุด
- G06F: การประมวลผลข้อมูลดิจิทัลแบบไฟฟ้า
- G06K: การอ่านข้อมูลแบบกราฟิก การนำเสนอข้อมูล สื่อบันทึก การจัดการสื่อบันทึก
- G06N: การจัดเตรียมการคำนวณตามแบบจำลองการคำนวณเฉพาะ
- G06Q: เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ที่ปรับให้เหมาะสมโดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์ด้านการบริหาร การพาณิชย์ การเงิน การจัดการ หรือการกำกับดูแล ระบบหรือวิธีการที่ปรับโดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์ด้าน การบริหาร การพาณิชย์ การเงิน การจัดการ หรือการกำกับดูแลที่ไม่ได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่น
- H04L: การส่งข้อมูลดิจิทัล
ผู้เล่นหลักในกลุ่มอุตสาหกรรม
จากการสืบค้นสิทธิบัตรพบว่า ผู้เล่นหลักที่มีการยื่นขอรับสิทธิบัตรเกี่ยวกับ Automation และ AI จำนวนมากที่สุดส่วนใหญ่ เป็นบริษัทขนาดใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ถึงแม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะเน้นให้บริการด้านซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันเป็นหลักอยู่แล้ว แต่ก็มีบริษัทอีกจำนวนหนึ่งที่มาจากภาคส่วนอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีบางบริษัท เช่น Microsoft Corporation ที่มีการแตกบริษัทออกมาเป็น Microsoft Technology Licensing (MTL) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาของ Microsoft โดยเฉพาะ และดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยี
ผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรม อ้างอิงตามจำนวนสิทธิบัตรที่มีการยื่นคำขอ | |||
ชื่อบริษัท | สัญชาติ | อุตสาหกรรม | จำนวนคำขอ |
IBM | สหรัฐอเมริกา | เทคโนโลยี | 474 |
MICROSOFT TECHNOLOGY LICENSING LLC. | สหรัฐอเมริกา | เทคโนโลยี | 464 |
CAPITAL ONE SERVICE LLC. | สหรัฐอเมริกา | การเงิน | 253 |
AMAZON TECH INC. | สหรัฐอเมริกา | เทคโนโลยี (บริษัทในเครือของ Amazon ที่จัดตั้งเพื่อพัฒนาและจำหน่ายเทคโนโลยี ) | 251 |
LG ELECTRONICS INC. | เกาหลีใต้ | คอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน | 236 |
ROCKWELL AUTOMATION TECH INC. | สหรัฐอเมริกา | เครื่องจักรและเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรม | 210 |
MICROSOFT CORP. | สหรัฐอเมริกา | เทคโนโลยี | 185 |
SIEMENS AG. | เยอรมนี | เครื่องจักรและเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรม | 163 |
ACCENTURE GLOBAL SOLUTIONS LTD. | ไอร์แลนด์ | เทคโนโลยี | 106 |
BANK OF AMERICA | สหรัฐอเมริกา | การเงิน | 95 |
แหล่งที่มา: ประกาศโฆษณาสิทธิบัตรจากฐานข้อมูล Lens.org |
ใน EP 2เราจะพูดถึงเรื่องของความสำคัญของอุตสาหกรรม Automation และ AI รวมไปถึง กรณีศึกษา: แนวทางการใช้งานหุ่นยนต์และ AI ในปัจจุบัน เเละ ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ และ AI ในภาคการผลิต สามารถศึกษาข้อมูลในเรื่องของหุ่นยนต์ได้ที่ บทความ : “หุ่นยนต์” ผลผลิตแห่งการพัฒนาสู่โลกอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หมายเหตุ: เนื้อหาในบทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานสัมมนา “อนาคตนวัตกรรมหุ่นยนต์ไทย” เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2568
ซึ่งได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.สุภชัย วงศ์บุณย์ยง ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และคุณณรงค์เดช โสภาโชติ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสิทธิบัตร ร่วมทำการแลกเปลี่ยน
หมายเหตุ 2: ผู้เขียนได้ทำการเขียนทับศัพท์ภาษาอังกฤษในคำศัพท์ทางเทคนิคบางส่วน เนื่องจากยังไม่พบคำแปลภาษาไทย
ที่สามารถสื่อความหมายได้ถูกต้องตามลักษณะเฉพาะมากที่สุด
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
อีเมล: [email protected]
โทร.: 02-011-7161 ถึง 6
Line: @idgthailand
Facebook: IDGThailand