
ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้ามากขึ้น เครื่องหมายรับรองคุณภาพจึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่น หนึ่งในมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในประเทศไทย คือ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ มอก. ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่รับรองว่าผลิตภัณฑ์นั้นผ่านการตรวจสอบและได้มาตรฐานตามที่กำหนด
บทความนี้ IDG จะชวนมาเจาะลึกว่า มอก. คืออะไร พร้อมตอบคำถามที่หลายคนสงสัยว่า “เครื่องหมาย มอก. มีกี่แบบ” “มอก. กับ อย. ต่างกันอย่างไร” แล้ว “มอก. ใช้กับสินค้าอะไรบ้าง”
มอก. คืออะไร
มอก. หรือ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม คือ ข้อกำหนดทางวิชาการที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กำหนดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ผลิตในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและมีมาตรฐานในการใช้งาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม และคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ
มอก. กับ อย. ต่างกันอย่างไร
มอก. และ อย. แม้จะเป็นหน่วยงานที่ดูแลมาตรฐานผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกัน โดย มอก. อยู่ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม และดูแลมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า และยานยนต์ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีคุณภาพและปลอดภัยในการใช้งาน
ส่วน อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) อยู่ภายใต้กระทรวงสาธารณสุข ดูแลผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเป็นสำคัญ เช่น อาหาร ยา เครื่องสำอาง และเครื่องมือแพทย์ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคในด้านสุขภาพโดยตรง ซึ่งการจดอย. ให้ผลิตภัณฑ์ถือว่ามีความสำคัญ โดยสามารถดำเนินการเองหรือใช้บริการตัวแทนที่มีความเชี่ยวชาญในการรับจด อย. ก็ได้
ประเภทของเครื่องหมาย มอก.
1. มอก. ทั่วไป
มอก. ทั่วไป คือ มาตรฐานที่ผู้ผลิตสามารถขอการรับรองได้ตามความสมัครใจ เพื่อแสดงว่าผลิตภัณฑ์ของตนมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด การได้รับเครื่องหมาย มอก. ประเภทนี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์: เครื่องใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ในสำนักงาน และวัสดุก่อสร้างบางประเภท
2. มอก. บังคับ
มอก. บังคับ คือ มาตรฐานที่ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าต้องขอการรับรองก่อนวางจำหน่ายในท้องตลาด เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์: หมวกกันน็อก ผงซักฟอก สายไฟฟ้า ท่อ PVC ผลิตภัณฑ์เหล็ก และถังดับเพลิง เป็นต้น
![ภาพประกอบเนื้อหา มอก. คืออะไร สินค้าใดที่ต้องมี และมีขั้นตอนขอเครื่องหมายอย่างไร [IDG] SEO JAN C01 2 1200x628](https://idgthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/IDG-SEO-JAN-C01-2_1200x628-1024x683.jpg)
3. เครื่องหมายมาตรฐานเฉพาะด้านความปลอดภัย
เครื่องหมายสำหรับรับรองว่าผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นใช้งานได้อย่างความปลอดภัย มีทั้งรูปแบบเครื่องหมายบังคับและไม่บังคับ
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์: เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง เตารีดและพัดลมไฟฟ้า
4. เครื่องหมายมาตรฐานเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม
เครื่องหมายสำหรับรับรองว่าผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นมีกระบวนการผลิตและการใช้งานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และการช่วยประหยัดน้ำ
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์: ตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศที่ไม่ใช้สาร CFC
5. เครื่องหมายมาตรฐานเฉพาะด้านความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า
เครื่องหมายสำหรับรับรองความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้าของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า และไม่ส่งคลื่นแม่เหล็กเกินค่าที่กำหนด
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์: เครื่องมือสารสนเทศ เช่น โทรศัพท์มือถือ เครื่องมือทางการแพทย์ และเครื่องรับ-ส่งวิทยุ
6. เครื่องหมายมาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.)
มาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยชุมชนอย่างผลิตภัณฑ์ OTOP และสินค้าหัตถกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพและสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าชุมชน
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์: อาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องแต่งกาย
7. มาตรฐานการตรวจสอบและรับรองแห่งชาติ (มตช.)
เครื่องหมายรับรองว่าระบบงานและการบริหารงานเป็นไปอย่างเหมาะสม เช่น การจัดการความปลอดภัยในโรงเรียน และการบริหารห้องปฏิบัติการ โดยผู้ประกอบการสามารถยื่นขอตามความสมัครใจเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่องค์กรได้
8. มาตรฐานการ มอก.S
เครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าและบริการสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และวิสาหกิจชุมชน ใบรับรองมีอายุ 3 ปีและต่ออายุได้ เป็นเครื่องหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับ
ข้อดีของการได้รับมาตรฐานมอก.
- สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ เพิ่มความมั่นใจให้ผู้บริโภค
- เพิ่มโอกาสทางการตลาดและการส่งออก เนื่องจากเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ
- ลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและความรับผิดชอบต่อความเสียหาย
- สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ
วิธีการยื่นขอรับเครื่องหมาย มอก.
สำหรับผู้ผลิตภายในประเทศมีขั้นตอนดังนี้
1. ยื่นขอรับบริการ ขอทดสอบผลิตภัณฑ์ผ่านระบบ E-License
1.1. เตรียมเอกสารที่จำเป็นให้พร้อม
- คำขอรับบริการผ่านระบบ E-License บนเว็บไซต์ https://www.tisi.go.th/
- เอกสารแสดงตน ได้แก่ บัตรประชาชนสำหรับบุคคลธรรมดา และหนังสือรับรองบริษัทไม่เกิน 6 เดือนสำหรับนิติบุคคล
- ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
- รายละเอียดผลิตภัณฑ์โดยย่อ ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ มอก. แต่ละประเภท พร้อมด้วยรูปภาพ และส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์
1.2. ยื่นขอทำตัวอย่าง (สำหรับ มอก. บังคับ) ผ่านระบบ E-License
รอเจ้าหน้าที่อนุมัติ พร้อมด้วยหนังสือรับรองจากระบบ เมื่อได้รับหนังสืออนุญาตจาก สมอ. แล้วจึงดำเนินการทำตัวอย่างผลิตภัณฑ์
1.3. สมอ. เก็บตัวอย่าง
ทำการนัดหมายเจ้าหน้าที่ สมอ. เพื่อเก็บตัวอย่าง ซึ่งจะส่งไปที่ Lab เพื่อทำการทดสอบผลิตภัณฑ์
2. ยื่นขอตรวจโรงงาน ผ่านระบบ E-License
ทำการนัดหมายเจ้าหน้าที่ สมอ. หรือหน่วยตรวจ (IB) ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก สมอ. เพื่อเข้าตรวจสอบโรงงานว่ามีมาตรฐานหรือไม่
3. ยื่นขอรับใบอนุญาต และรอรับใบอนุญาต
สามารถทำได้ผ่าน E-License พร้อมแนบผลการทดสอบผลิตภัณฑ์และการตรวจสอบโรงงาน หากผ่านมาตรฐานสามารถรอรับใบอนุญาตในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ E-License ได้เลย

มอก. คือ เครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าที่ช่วยยกระดับสินค้า รวมถึงเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ ผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน และขอรับเครื่องหมายเหล่านี้เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ
สนใจขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการขอมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไปจนถึงเครื่องหมายการค้า สามารถติดต่อ IDG ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญา เรายินดีให้คำแนะนำและช่วยเหลือตลอดกระบวนการขอการรับรอง
IDG บริษัทให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาเเละนวัตกรรมครบวงจร
เรา คือ บริษัทให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับองค์กรแบบครบวงจร เราให้บริการ ออกแบบโลโก้ ออกแบบ CI ออกแบบโปรไฟล์บริษัท เเละบริการออกเเบบด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ดำเนินงานโดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์สูง นอกจากนี้ IDG ให้บริการด้านทรัพย์สินทางปัญญาอย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งการให้คำปรึกษา วางกลยุทธ์ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า จดลิขสิทธิ์ จดสิทธิบัตร บริการด้านกฏหมาย บริการด้านรับจด อย. ขึ้นทะเบียนสินค้า บริการด้านบัญชี รวมถึงให้บริการดำเนินงานด้านการซื้อขายเทคโนโลยีหรือ IP เรามีความพร้อมในการดูแลลูกค้าตั้งแต่กระบวนการแรกไปจนถึงการติดตามผล เพื่อให้มั่นใจว่าทรัพย์สินทางปัญญาของคุณได้รับการปกป้องและใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
ดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดต่อสอบถาม
อีเมล: [email protected]
โทร.: 02-011-7161 ถึง 6
ไลน์: @idgthailand
Facebook: facebook.com/IDGThailand
LinkedIn: linkedin.com/in/intellectualdesigngroup/