พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม (TRIUP Act) จะเป็นเกมเชนเจอร์ที่ปลดล็อคศักยภาพที่ซ่อนอยู่ให้กลายเป็นมูลค่าจริง

OUR BLOG

TRIUP Act: การปฏิวัติที่จะเปลี่ยนงานวิจัยไทยให้เข้าใกล้ตลาดมากยิ่งขึ้น

TRIUP Act: การปฏิวัติที่จะเปลี่ยนงานวิจัยไทย ให้เข้าใกล้ตลาดมากยิ่งขึ้น

เปิดประตูสู่ยุคทองของนวัตกรรมไทย

หลายปีที่ผ่านมา มีงานวิจัยมากมายที่ยังไม่ถูกภาคเอกชนเข้าถึง หรือนำพางานวิจัยนั้นไปสร้างประโยชน์ทั้งกับเชิงสังคมสาธารณะประโยชน์ หรือเชิงพาณิชย์ เนื่องจากเงื่อนไขในการขออนุญาตใช้สิทธิ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการซื้อสิทธิ ทำให้งานวิจัยส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ “หลับใหลในลิ้นชัก” ไม่ได้เอาไปใช้จริงๆ ไม่ได้สร้างมูลค่าให้กับประเทศ เหมือนซื้อเพชรแล้วเอาไปฝังดิน

วันนี้…เรื่องนี้กำลังจะเปลี่ยนไป!

พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม (TRIUP Act) จะเป็นเกมเชนเจอร์ที่ปลดล็อคศักยภาพที่ซ่อนอยู่ให้กลายเป็นมูลค่าจริง

“จากศูนย์สู่เศรษฐี” – เรียนรู้จากเรื่องราวสำเร็จของอเมริกา สิ่งที่เราเรียนรู้จากกฎหมายดีๆ ของอเมริกาปี 1980 อเมริกาออกกฎหมาย Bayh-Dole Act ที่เปลี่ยนเกมการวิจัยโลก ผลลัพธ์? สร้างมูลค่าเศรษฐกิจหลายล้านล้านดอลลาร์! ซึ่งไทยเราก็ได้ทำการศึกษาเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ โดยไทยเราได้มีการนำกฎหมายมาปรับปรุงให้มีความเหมาะสมกับบริบทของได้ไทย!

สิ่งที่เราทำ
เมื่อปรียบเทียบกับอเมริกา
Bayh-Dole Act
(อเมริกา)
TRIUP Act
(ไทย)
การป้องกันงานนอนลิ้นชัก
ปล่อยให้เก็บไว้ได้ตลอด
“ใช้ให้เป็นหรือคืนให้ผู้ให้ทุน” ภายใน 2 ปี
การดูแลนักวิจัย
ไม่รับประกันรายได้ชัดเจน
รับประกันการจัดสรรแบ่งรายได้ตั้งแต่แรก
การควบคุมคุณภาพ
รายงานไม่เข้มงวด
ต้องรายงานทุกการค้นพบใหม่ทันที

เรื่องราวความสำเร็จระดับโลกที่เราควรรู้

ตัวเลขที่พิสูจน์ความสำเร็จ Bayh-Dole Act สร้างให้อเมริกาได้อะไรบ้าง?

TRIUP Act จะเปลี่ยนแปลงไทยอย่างไร?

ปลดล็อกศักยภาพที่ซ่อนอยู่

ปัญหาเดิม: งานวิจัยดี ๆ กลายเป็น “ขุมทรัพย์ฝังดิน”

  • มีเงินสนับสนุนการทำวิจัย แต่ไม่ได้ใช้จริงทั้งในเชิงสาธารณะประโยชน์ และเชิงพาณิชย์
  • นักวิจัยไม่มีแรงจูงใจในการคิดค้นงานวิจัยที่ตรงความต้องการของตลาด และภาคเอกชน
  • ระบบ และเงื่อนไขของผู้ให้ทุนที่มีความซับซ้อน ต้องใช้ระยะเวลา รวมถึงอาจมีการอนุมัติยาก

วิธีแก้ใหม่: เปิดทางให้นักวิจัยและสถาบันเป็น “เจ้าของผลงาน”

  • ขอเป็นเจ้าของได้ถ้ามีแผนใช้งานชัดเจน
  • บริหารผลงานเองได้ ไม่ต้องรอขออนุญาตผู้ให้ทุน หากเป็นตามแผนการใช้ประโยชน์ที่ได้แจ้งไว้
  • ได้รับผลตอบแทนเป็นแรงจูงใจ
  • สร้างแรงจูงใจแบบใหม่

สำหรับนักวิจัย:

  • รับประกันการแบ่งผลตอบแทน แม้เกษียณแล้ว
  • มีโอกาสเป็นผู้ประกอบการ
  • ผลงานได้ใช้จริง ส่งผลกระทบต่อสังคม

สำหรับสถาบัน:

  • มีผลตอบแทนเสริมจากการได้รับการสนับสนุนทุนวิจัย
  • เปลี่ยนจาก “เขียนรายงาน” เป็น “การสร้างผลกระทบเศรษฐกิจ”
  • เชื่อมต่อกับธุรกิจและอุตสาหกรรม

สำหรับประเทศ:

  • เปลี่ยนจาก “ใช้เงิน” เป็น “สร้างเงิน”
  • เกิดธุรกิจใหม่ สร้างงาน
  • อุตสาหกรรมได้เทคโนโลยีใหม่

อุปสรรคที่ต้องระวัง (และวิธีแก้) ความเสี่ยงที่ต้องจับตา

1. คนเก่งหนีไปทำธุรกิจ

  • ปัญหา: สถาบันอาจสูญเสียนักวิจัยดีๆ
  • วิธีแก้: สร้างระบบให้ทำธุรกิจและสอนได้พร้อมกัน

2. สถาบันใหญ่กินสถาบันเล็ก

  • ปัญหา: มีทุนพัฒนาระบบได้มากกว่า
  • วิธีแก้: รัฐสร้างระบบสนับสนุนร่วม

3. เน้นทำเงินจนลืมหน้าที่หลัก

  • ปัญหา: เอาแต่คิดเรื่องขายของ ลืมสร้างความรู้
  • วิธีแก้: สร้างดุลยภาพระหว่างการวิจัยและการใช้ประโยชน์

เตรียมตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลง

สำหรับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัย:

  • จัดตั้ง “ทีมดูแลการถ่ายทอดเทคโนโลยี” ที่เข้าใจทั้งงานวิจัยและธุรกิจ
  • สร้างกฎเกณฑ์การแบ่งรายได้ที่เป็นธรรม
  • สร้างเครือข่ายกับนักลงทุนและธุรกิจ
  • เปลี่ยนตัววัดผลจาก “กี่บทความ” เป็น “ผลกระทบทางเศรษฐกิจอะไร”

สำหรับนักวิจัยทักษะใหม่ที่ต้องมี:

  • คิดเรื่องตลาดขณะทำวิจัย: “ใครจะเอาไปใช้?”
  • เรียนรู้เรื่องธุรกิจพื้นฐาน
  • ฝึกนำเสนอให้นักลงทุนเข้าใจ
  • สร้างเครือข่ายกับคนทำธุรกิจ

สำหรับภาคเอกชนโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้น:

  • เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ จากมหาวิทยาลัยง่ายขึ้น
  • ลงทุนร่วมวิจัยกับนักวิชาการได้มั่นใจมากขึ้น
  • มีโอกาสได้ talent เก่งๆ มาร่วมงาน

เคล็ดลับความสำเร็จจากเรื่องราวจริง สิ่งที่ทำให้อเมริกาสำเร็จ (และเราเรียนรู้ได้)

1. สร้างระบบนิเวศที่ครบครัน

  • มีแหล่งเงินลงทุน (Venture Capital) ที่เข้มแข็ง
  • มีตลาดที่พร้อมรับเทคโนโลยีใหม่
  • มีวัฒนธรรมการเป็นผู้ประกอบการ

2. ทีมงานมืออาชีพ

  • คนที่เข้าใจทั้งเทคโนโลยีและธุรกิจ
  • ตัดสินใจได้เร็ว ยืดหยุ่น
  • มีเครือข่ายกว้าง

3. มองระยะยาว

  • ไม่เร่งเอาผลตอบแทนในปีแรก
    สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับคู่ค้า
    ลงทุนแบบ portfolio (กระจายความเสี่ยง)

อนาคตที่รอเราอยู่ความเป็นไปได้ที่น่าตื่นเต้น

ถ้า TRIUP Act สำเร็จ เราอาจเห็น:

  • มหาวิทยาลัยไทยติดอันดับโลกด้านนวัตกรรม
  • Startup ระดับโลกเกิดจากงานวิจัยไทย
  • ผลิตภัณฑ์ “Made in Thailand” ที่ใช้เทคโนโลยีไฮเทค
  • รายได้ประเทศจากการส่งออกเทคโนโลยี

สิ่งที่ผู้ให้ทุนต้องเตรียม

1. สร้างระบบสนับสนุนที่ครบ

  • ระบบให้คำปรึกษาสำหรับสถาบันเล็ก
  • ฐานข้อมูลเทคโนโลยีส่วนกลาง
  • ระบบจับคู่เทคโนโลยีกับธุรกิจ

2. พัฒนาบุคลากร

  • หลักสูตรฝึกอบรมเรื่องการจัดการสิทธิบัตรและการใช้ประโยชน์
  • ระบบให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
  • เครือข่าย mentorship

3. ปรับกฎหมายให้เข้าชุด

  • กฎภาษีที่เอื้อต่อการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย
  • ระบบประเมินผลที่ดูผลกระทบจริง
  • กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน

บทสรุป: เรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น

TRIUP Act ไม่ใช่แค่กฎหมายฉบับใหม่ แต่เป็น “จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์” ที่จะเปลี่ยนไทยจาก “ประเทศที่ซื้อเทคโนโลยี” เป็น “ประเทศที่สร้างและขายเทคโนโลยี”

สิ่งที่จะเกิดขึ้น:

  1. วัฒนธรรมใหม่: นักวิจัยเริ่มคิดเรื่อง “ใช้จริง” มากกว่า “เขียนรายงาน”
  2. ความสามารถใหม่: สถาบันเรียนรู้การทำงานข้ามสาขา
  3. ระบบการเงินใหม่: เงินทุนเข้ามาสนับสนุนเทคโนโลยีระยะเริ่มต้น
  4. กฎหมายใหม่: ระบบสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมที่ครบครัน

หากทุกอย่างดำเนินไปได้ตามแผน TRIUP Act จะเป็นกฎหมายที่เปลี่ยนไทยให้กลายเป็น “เศรษฐกิจฐานความรู้” ที่แท้จริง ด้วยการเปลี่ยน “งานวิจัย” ให้กลายเป็น “พลังขับเคลื่อนประเทศ” ความสำเร็จของ TRIUP Act = ความสำเร็จของเศรษฐกิจไทยในอนาคต

IDG ให้คำปรึกษาและสนับสนุนการดำเนินการตาม TRIUP Act แก่ทุกภาคส่วน (ผู้ให้ทุน, ผู้รับทุน, นักวิจัยรายย่อย) โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจะดูแลตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เพื่อให้การดำเนินการถูกต้องและราบรื่น รวมถึงช่วยวางระบบและบริหารจัดการโครงการภายใต้ TRIUP Act เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

อีเมล: [email protected]

โทร.: 02-011-7161 ถึง 6

Line: @idgthailand

Facebook: IDGThailand

TRIUP Act: การปฏิวัติที่จะเปลี่ยนงานวิจัยไทย ให้เข้าใกล้ตลาดมากยิ่งขึ้น

เปิดประตูสู่ยุคทองของนวัตกรรมไทย

หลายปีที่ผ่านมา มีงานวิจัยมากมายที่ยังไม่ถูกภาคเอกชนเข้าถึง หรือนำพางานวิจัยนั้นไปสร้างประโยชน์ทั้งกับเชิงสังคมสาธารณะประโยชน์ หรือเชิงพาณิชย์ เนื่องจากเงื่อนไขในการขออนุญาตใช้สิทธิ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการซื้อสิทธิ ทำให้งานวิจัยส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ “หลับใหลในลิ้นชัก” ไม่ได้เอาไปใช้จริงๆ ไม่ได้สร้างมูลค่าให้กับประเทศ เหมือนซื้อเพชรแล้วเอาไปฝังดิน

วันนี้…เรื่องนี้กำลังจะเปลี่ยนไป!

พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม (TRIUP Act) จะเป็นเกมเชนเจอร์ที่ปลดล็อคศักยภาพที่ซ่อนอยู่ให้กลายเป็นมูลค่าจริง

“จากศูนย์สู่เศรษฐี” – เรียนรู้จากเรื่องราวสำเร็จของอเมริกา สิ่งที่เราเรียนรู้จากกฎหมายดีๆ ของอเมริกาปี 1980 อเมริกาออกกฎหมาย Bayh-Dole Act ที่เปลี่ยนเกมการวิจัยโลก ผลลัพธ์? สร้างมูลค่าเศรษฐกิจหลายล้านล้านดอลลาร์! ซึ่งไทยเราก็ได้ทำการศึกษาเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ โดยไทยเราได้มีการนำกฎหมายมาปรับปรุงให้มีความเหมาะสมกับบริบทของได้ไทย!

สิ่งที่เราทำ
เมื่อปรียบเทียบกับอเมริกา
Bayh-Dole Act
(อเมริกา)
TRIUP Act
(ไทย)
การป้องกันงานนอนลิ้นชัก
ปล่อยให้เก็บไว้ได้ตลอด
“ใช้ให้เป็นหรือคืนให้ผู้ให้ทุน” ภายใน 2 ปี
การดูแลนักวิจัย
ไม่รับประกันรายได้ชัดเจน
รับประกันการจัดสรรแบ่งรายได้ตั้งแต่แรก
การควบคุมคุณภาพ
รายงานไม่เข้มงวด
ต้องรายงานทุกการค้นพบใหม่ทันที

เรื่องราวความสำเร็จระดับโลกที่เราควรรู้

ตัวเลขที่พิสูจน์ความสำเร็จ Bayh-Dole Act สร้างให้อเมริกาได้อะไรบ้าง?

TRIUP Act จะเปลี่ยนแปลงไทยอย่างไร?

ปลดล็อกศักยภาพที่ซ่อนอยู่

ปัญหาเดิม: งานวิจัยดี ๆ กลายเป็น “ขุมทรัพย์ฝังดิน”

  • มีเงินสนับสนุนการทำวิจัย แต่ไม่ได้ใช้จริงทั้งในเชิงสาธารณะประโยชน์ และเชิงพาณิชย์
  • นักวิจัยไม่มีแรงจูงใจในการคิดค้นงานวิจัยที่ตรงความต้องการของตลาด และภาคเอกชน
  • ระบบ และเงื่อนไขของผู้ให้ทุนที่มีความซับซ้อน ต้องใช้ระยะเวลา รวมถึงอาจมีการอนุมัติยาก

วิธีแก้ใหม่: เปิดทางให้นักวิจัยและสถาบันเป็น “เจ้าของผลงาน”

  • ขอเป็นเจ้าของได้ถ้ามีแผนใช้งานชัดเจน
  • บริหารผลงานเองได้ ไม่ต้องรอขออนุญาตผู้ให้ทุน หากเป็นตามแผนการใช้ประโยชน์ที่ได้แจ้งไว้
  • ได้รับผลตอบแทนเป็นแรงจูงใจ
  • สร้างแรงจูงใจแบบใหม่

สำหรับนักวิจัย:

  • รับประกันการแบ่งผลตอบแทน แม้เกษียณแล้ว
  • มีโอกาสเป็นผู้ประกอบการ
  • ผลงานได้ใช้จริง ส่งผลกระทบต่อสังคม

สำหรับสถาบัน:

  • มีผลตอบแทนเสริมจากการได้รับการสนับสนุนทุนวิจัย
  • เปลี่ยนจาก “เขียนรายงาน” เป็น “การสร้างผลกระทบเศรษฐกิจ”
  • เชื่อมต่อกับธุรกิจและอุตสาหกรรม

สำหรับประเทศ:

  • เปลี่ยนจาก “ใช้เงิน” เป็น “สร้างเงิน”
  • เกิดธุรกิจใหม่ สร้างงาน
  • อุตสาหกรรมได้เทคโนโลยีใหม่

อุปสรรคที่ต้องระวัง (และวิธีแก้) ความเสี่ยงที่ต้องจับตา

1. คนเก่งหนีไปทำธุรกิจ

  • ปัญหา: สถาบันอาจสูญเสียนักวิจัยดีๆ
  • วิธีแก้: สร้างระบบให้ทำธุรกิจและสอนได้พร้อมกัน

2. สถาบันใหญ่กินสถาบันเล็ก

  • ปัญหา: มีทุนพัฒนาระบบได้มากกว่า
  • วิธีแก้: รัฐสร้างระบบสนับสนุนร่วม

3. เน้นทำเงินจนลืมหน้าที่หลัก

  • ปัญหา: เอาแต่คิดเรื่องขายของ ลืมสร้างความรู้
  • วิธีแก้: สร้างดุลยภาพระหว่างการวิจัยและการใช้ประโยชน์

เตรียมตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลง

สำหรับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัย:

  • จัดตั้ง “ทีมดูแลการถ่ายทอดเทคโนโลยี” ที่เข้าใจทั้งงานวิจัยและธุรกิจ
  • สร้างกฎเกณฑ์การแบ่งรายได้ที่เป็นธรรม
  • สร้างเครือข่ายกับนักลงทุนและธุรกิจ
  • เปลี่ยนตัววัดผลจาก “กี่บทความ” เป็น “ผลกระทบทางเศรษฐกิจอะไร”

สำหรับนักวิจัยทักษะใหม่ที่ต้องมี:

  • คิดเรื่องตลาดขณะทำวิจัย: “ใครจะเอาไปใช้?”
  • เรียนรู้เรื่องธุรกิจพื้นฐาน
  • ฝึกนำเสนอให้นักลงทุนเข้าใจ
  • สร้างเครือข่ายกับคนทำธุรกิจ

สำหรับภาคเอกชนโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้น:

  • เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ จากมหาวิทยาลัยง่ายขึ้น
  • ลงทุนร่วมวิจัยกับนักวิชาการได้มั่นใจมากขึ้น
  • มีโอกาสได้ talent เก่งๆ มาร่วมงาน

เคล็ดลับความสำเร็จจากเรื่องราวจริง สิ่งที่ทำให้อเมริกาสำเร็จ (และเราเรียนรู้ได้)

1. สร้างระบบนิเวศที่ครบครัน

  • มีแหล่งเงินลงทุน (Venture Capital) ที่เข้มแข็ง
  • มีตลาดที่พร้อมรับเทคโนโลยีใหม่
  • มีวัฒนธรรมการเป็นผู้ประกอบการ

2. ทีมงานมืออาชีพ

  • คนที่เข้าใจทั้งเทคโนโลยีและธุรกิจ
  • ตัดสินใจได้เร็ว ยืดหยุ่น
  • มีเครือข่ายกว้าง

3. มองระยะยาว

  • ไม่เร่งเอาผลตอบแทนในปีแรก
    สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับคู่ค้า
    ลงทุนแบบ portfolio (กระจายความเสี่ยง)

อนาคตที่รอเราอยู่ความเป็นไปได้ที่น่าตื่นเต้น

ถ้า TRIUP Act สำเร็จ เราอาจเห็น:

  • มหาวิทยาลัยไทยติดอันดับโลกด้านนวัตกรรม
  • Startup ระดับโลกเกิดจากงานวิจัยไทย
  • ผลิตภัณฑ์ “Made in Thailand” ที่ใช้เทคโนโลยีไฮเทค
  • รายได้ประเทศจากการส่งออกเทคโนโลยี

สิ่งที่ผู้ให้ทุนต้องเตรียม

1. สร้างระบบสนับสนุนที่ครบ

  • ระบบให้คำปรึกษาสำหรับสถาบันเล็ก
  • ฐานข้อมูลเทคโนโลยีส่วนกลาง
  • ระบบจับคู่เทคโนโลยีกับธุรกิจ

2. พัฒนาบุคลากร

  • หลักสูตรฝึกอบรมเรื่องการจัดการสิทธิบัตรและการใช้ประโยชน์
  • ระบบให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
  • เครือข่าย mentorship

3. ปรับกฎหมายให้เข้าชุด

  • กฎภาษีที่เอื้อต่อการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย
  • ระบบประเมินผลที่ดูผลกระทบจริง
  • กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน

บทสรุป: เรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น

TRIUP Act ไม่ใช่แค่กฎหมายฉบับใหม่ แต่เป็น “จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์” ที่จะเปลี่ยนไทยจาก “ประเทศที่ซื้อเทคโนโลยี” เป็น “ประเทศที่สร้างและขายเทคโนโลยี”

สิ่งที่จะเกิดขึ้น:

  1. วัฒนธรรมใหม่: นักวิจัยเริ่มคิดเรื่อง “ใช้จริง” มากกว่า “เขียนรายงาน”
  2. ความสามารถใหม่: สถาบันเรียนรู้การทำงานข้ามสาขา
  3. ระบบการเงินใหม่: เงินทุนเข้ามาสนับสนุนเทคโนโลยีระยะเริ่มต้น
  4. กฎหมายใหม่: ระบบสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมที่ครบครัน

หากทุกอย่างดำเนินไปได้ตามแผน TRIUP Act จะเป็นกฎหมายที่เปลี่ยนไทยให้กลายเป็น “เศรษฐกิจฐานความรู้” ที่แท้จริง ด้วยการเปลี่ยน “งานวิจัย” ให้กลายเป็น “พลังขับเคลื่อนประเทศ” ความสำเร็จของ TRIUP Act = ความสำเร็จของเศรษฐกิจไทยในอนาคต

IDG ให้คำปรึกษาและสนับสนุนการดำเนินการตาม TRIUP Act แก่ทุกภาคส่วน (ผู้ให้ทุน, ผู้รับทุน, นักวิจัยรายย่อย) โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจะดูแลตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เพื่อให้การดำเนินการถูกต้องและราบรื่น รวมถึงช่วยวางระบบและบริหารจัดการโครงการภายใต้ TRIUP Act เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

อีเมล: [email protected]

โทร.: 02-011-7161 ถึง 6

Line: @idgthailand

Facebook: IDGThailand

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ IDG

ผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำแนะนำคุณอย่างเต็มที่

ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญ