2019 ปีของเทรนด์วีแกน (vegan)
VEGAN = NO ANIMAL PRODUCTS
วีแกน (Vegan) คือหนึ่งในกลุ่มชาวมังสวิรัติ ไม่บริโภคอาหารที่มาจากสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อ เนย นม ไข่ ชีส น้ำผึ้งและเจลาติน บางคนอาจเคร่งครัดมาก ๆ ชนิดที่ว่าไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่มาจากสัตว์หรือทดลองกับสัตว์ ตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงต่าง ๆ เรียกได้ว่าชาววีแกนบริโภคเฉพาะอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่มาจากผัก ผลไม้และธัญพืชแบบ 100%
FROM MINORITY TO MAJORITY
หากเป็น 5 – 6 ปีก่อนหน้านี้ ชาววีแกนอาจต้องใช้ชีวิตค่อนข้างโดดเดี่ยวและใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับผู้อื่นได้ยาก โดยเฉพาะชาววีแกนคนเมือง แต่ทุกวันนี้กลับไม่ใช่อีกต่อไป สังเกตได้จากปีที่ผ่านมาที่เทรนด์วีแกนได้รับความนิยมอย่างก้าวกระโดดทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ทั่วโลก
จากข้อมูลของ The Vegan Society เผยว่าปีที่ผ่านมา ความนิยมในเทรนด์วีแกนจากทั่วโลกเพิ่มสูงมากถึง 987% จากปี 2017 และปัจจุบัน (2019) พบว่าสหราชอาณาจักรมีประชากรชาววีแกนมากที่สุดในโลก สอดคล้องกับผลสำรวจจาก Mintel บริษัทมาร์เก็ตติ้งรีเสิร์ชระบุว่าการเติบโตของร้านอาหารสำหรับชาววีแกนในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมอยู่ที่ 8% เมื่อปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สหราชอาณาจักรมีผลิตภัณฑ์สำหรับชาววีแกนมากที่สุดในโลก นำหน้าเยอรมนีที่ครองแชมป์มาตั้งแต่ปี 2017
ด้านประเทศในทวีปเอเชียที่ประชาชนส่วนใหญ่บริโภคผักและผลไม้อยู่เป็นนิจ สืบเนื่องจากเป็นทั้งพืชเศรษฐกิจและวัตถุดิบสำคัญในทุกมื้ออาหาร เทรนด์วีแกนในที่แห่งนี้เองก็เติบโตรวดเร็วไม่แพ้ตะวันตก โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากข้อมูลของ Mintel พบว่าประชาชนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นชาววีแกนหน้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 440% ในช่วงระยะเวลาเพียง 4 ปี ตั้งแต่ปี 2012 – 2016
MILLENNIALS GO VEGAN
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่มชาววีแกนขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียม (Millennial) (อายุตั้งแต่ 25 – 34 ปี) มีกิจกรรมการศึกษาหาอ่านความรู้และข้อมูลต่าง ๆ บนโลกออนไลน์เป็นประจำ ด้วยอุตสาหกรรมร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์ชาววีแกนเพิ่มขึ้น ทางเลือกในการรับประทานหลากหลายขึ้น ส่งผลให้กลุ่มชาววีแกนขยายตัวกว้างขึ้นกว่าเดิม ยังไม่นับรวมเหล่าศิลปินดาราคนดังที่ทำให้คนทั่วไปเริ่มหันมาสนใจกันมากขึ้น เช่น อารีอันน่า แกรนเด (Ariana Grande) ไมลีย์ ไซรัส (Miley Cyrus) และ วีนัส วิลเลี่ยม (Venus Williams)
จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมสำนักข่าว The Economist ประกาศให้2019 ปีของเทรนด์วีแกน
LOVE YOURSELF, LOVE THE WORLD
การไม่รับประทานเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ นอกจากจะเป็นการลดจำนวนสัตว์ที่ต้องถูกฆ่าในแต่ละปีและไม่สนับสนุนการทารุณกรรมสัตว์แล้วนั้น งานวิจัยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดปี 2018 ชี้ว่า วีแกนเป็นส่วนสำคัญในการลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุด โดยสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าการหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือลดการใช้เครื่องบิน นอกจากนี้ยังช่วยลดการใช้ที่ดินสำหรับเลี้ยงปศุสัตว์และการใช้น้ำอีกด้วย
ทั้งนี้ การรับประทานแบบวีแกนยังเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง ห่างไกลจากปัจจัยเสียงต่อปัญหาสุขภาพได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจหรือโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น จากข้อมูล World Cancer Research Fund ชี้ว่าการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ถึง 35%
ALTERNATIVE WAY
จากเทรนด์วีแกนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ส่งผลให้หลายธุรกิจหันมาเล่นในตลาดดังกล่าวกันมากขึ้น สำหรับบางพื้นที่การเป็นชาววีแกนอย่างจริงจังและเคร่งครัด อาจเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก
Made Trade เว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์จึงเกิดขึ้น โดยมีความตั้งใจเป็น Marketplace Online รวบรวมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาที่มีคอนเซปต์: ยั่งยืน วีแกน คราฟต์ ท้องถิ่น ราคาเหมาะสมและผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา มาขายในอินเตอร์เน็ต
ไม่เว้นภาคธุรกิจเอกชนอย่างเดียว ล่าสุด เดือนที่ผ่านมา เครือโรงพยาบาล NYC Health + Hospitals ทั้งหมด 11 โรงพยาบาลทั่วนิวยอร์กซิตี้ สหรัฐอเมริกา เริ่มหันมาทำมื้ออาหารทางเลือกสำหรับคนไข้ชาววีแกน รวมถึงจัดแคมเปญในสโลแกนที่ชื่อว่า Power Up with Plants รณรงค์ให้คนไข้ในโรงพยาบาลไม่รับประทานเนื้อสัตว์ทุกวันจันทร์
อ้างอิง :
- https://worldin2019.economist.com/theyearofthevegan
- https://premium.trendwatching.com/2019/01/public-hospitals-go-vegan/
- https://www.vegansociety.com/news/media/statistics
- https://www.figlobal.com/asia-thailand/visit/news-and-updates/plant-based-diets-lead-asian-health-and-wellness-trends
- https://www.bbc.co.uk/newsround/45274517