OUR BLOG

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจดแจ้งลิขสิทธิ์ อัปเดตล่าสุด

รู้จัก ลิขสิทธิ์ (Copyright)

ลิขสิทธิ์ไม่จำเป็นต้องยื่นเพื่อจดทะเบียนเหมือนกับสิทธิบัตรหรือเครื่องหมายการค้า แต่ก็สมควรยิ่งที่เจ้าของลิขสิทธิ์ยื่นจดอย่างเป็นทางการกับสำนักงานของกรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะหากคุณมีแผนที่จะใช้งานลิขสิทธิ์ในทางการค้า เจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิที่จะกีดกันผู้อื่นจากการคัดลอก การจำหน่าย การแสดง การเผยแพร่ภาพ หรือการใช้เนื้อหามาดัดแปลง หรือใช้ค้าขายในรูปแบบต่างๆ โดยไม่ได้รับการยินยอมจากเจ้าของสิทธิ งานที่มีลิขสิทธิ์ในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณควรเรียนรู้เพื่อการปกป้องและใช้สิทธิของคุณได้อย่างเต็มที่

ลิขสิทธิ์ คืออะไร ?

สิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ริเริ่มโดยการใช้สติปัญญาความรู้ ความสามารถ และความวิริยะอุตสาหะของตนเองในการสร้างสรรค์ โดยไม่ลอกเลียนงานของผู้อื่น โดยงานที่สร้างสรรค์ต้องเป็นงานตามประเภทต่างๆ ที่กฎหมายลิขสิทธิ์ให้คุ้มครอง โดยผู้สร้างสรรค์จะได้รับความคุ้มครองทันทีที่สร้างสรรค์โดยไม่ต้องจดทะเบียน ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์จะมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใดๆ เกี่ยวกับงาน ลิขสิทธิ์ของตนโดยกฎหมายลิขสิทธิ์ได้ให้ความคุ้มครองถึงสิทธิของนักแสดง และสร้างสรรค์ด้านเทคโนโลยี เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วย

ลิขสิทธิ์ คือ “ทรัพย์สินทางปัญญา” ประเภทหนึ่งที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เจ้าของลิขสิทธิ์จึงควรได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถหาประโยชน์จากงานลิขสิทธิ์ของตนได้

ลิขสิทธิ์ 9 ประเภท มีอะไรบ้าง

โดยทั่วไปแล้ว “งานสร้างสรรค์ที่ผ่านกระบวนการคิด”จะได้รับการคุ้มครองอย่างอัตโนมัติตั้งแต่แรกวันที่เจ้าของได้สร้างสรรค์ขึ้นมา และมีอายุถึง 50 ปีหลังจากเจ้าของลิขสิทธิ์เสียชีวิต หากเป็นงานที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของนิติบุคคล งานลิขสิทธิ์จะได้รับความคุ้มครองสูงสุด 50 ปีหลังจากวันแรกที่ได้ทำการเผยแพร่

ยึดตามมาตรา 4  ในกฎหมายลิขสิทธิ์ของราชอาณาจักรไทย งานที่มีลิขสิทธิ์ประกอบไปด้วย 9 ประเภท

  1. งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ คำปราศรัย รวมทั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Coding, Source Code)ด้วย
  2. งานการแสดง นาฏกรรม เช่น งานเกี่ยวกับการรำ การเต้น การทำท่า หรือการแสดงประกอบขึ้นเป็นเรื่องราว
  3. งานวิจิตรศิลป์ ศิลปกรรม
    • ภาพวาด
    • ประติมากรรม
    • งานพิมพ์
    • งานตกแต่งสถาปัตย์
    • ภาพถ่าย
    • ภาพวาดเขียน แผนที่ ภาพร่าง
    • งานประยุกต์ศิลป์ (งานประยุกตศิลป์ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ 25 ปีหลังจากวันจัดสร้าง)
  4. งานดนตรีกรรม  เช่น คำร้อง ทำนอง การเรียบเรียง เสียงประสาน และโน้ตเพลง
  5. งานสิ่งบันทึกเสียง เช่น เทปเพลง ซีดีเพลง แผ่นเสียง
  6. งานโสตทัศนวัสดุ เช่น วีซีดี วีดิโอเทป แผ่นดิสก์ที่บันทึกข้อมูลภาพและเสียงเอาไว้
  7. งานภาพยนตร์ เช่น ภาพยนตร์ รวมทั้งเสียงประกอบด้วย
  8. งานแพร่เสียงแพร่ภาพ เช่นการแพร่ภาพกระจายเสียง ทางวิทยุ หรือโทรทัศน์
  9. งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ 

ประโยชน์ของลิขสิทธิ์

1. ประโยชน์ต่อเจ้าของลิขสิทธิ์

การคุ้มครองลิขสิทธิ์ย่อมเกิดแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ เนื่องจากเจ้าของลิขสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายและเป็นผู้มีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นเจ้าของลิขสิทธิ์สามารถทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณะ ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนา หรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้ลิขสิทธิ์ของตนเองได้ โดยที่เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องได้ค่าตอบแทน

2. ประโยชน์ต่อประชาชนและผู้บริโภค

การคุ้มครองลิขสิทธิ์ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนให้กล้าคิดและสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าสู่สาธารณะมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้บริโภคได้บริโภคงานที่มีคุณภาพ

อายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์

โดยทั่วไป การคุ้มครองลิขสิทธิ์เริ่มทันทีหลังจากงานถูกสร้างสรรค์ออกมา และจะมีอายุการคุ้มครองตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์ และคุ้มครองไปอีก 50 ปี นับตั้งแต่ผู้สร้างสรรค์เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม อายุการคุ้มครองอาจแตกต่างออกไปตามประเภทผู้สร้างสรรค์และประเภทผลงาน ดังนี้

  1. กรณีมีผู้สร้างสรรค์งานคนเดียว ลิขสิทธิ์จะอยู่ตลอดอายุขัยและคุ้มครองต่อไปอีก 50 ปีหลังผู้สร้างสรรค์เสียชีวิต
  2. กรณีมีผู้สร้างสรรค์หลายคน ลิขสิทธิ์จะอยู่ตลอดอายุขัยของผู้สร้างสรรค์ และอยู่ต่อไปอีก 50 ปี หลังผู้สร้างสรรค์คนสุดท้ายเสียชีวิต
  3. กรณีผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล ลิขสิทธิ์จะมีอายุ 50 ปี นับตั้งแต่ได้สร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา หรือนับตั้งแต่มีการโฆษณางานนั้นครั้งแรก
  4. กรณีผู้สร้างสรรค์ใช้นามแฝงหรือไม่ปรากฏชื่อ ลิขสิทธิ์จะมีอายุ 50 ปี นับตั้งแต่ได้สร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา
  5. งานภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง หรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพ ลิขสิทธิ์จะมีอายุ 50 ปี นับตั้งแต่ได้สร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา หรือนับตั้งแต่มีการโฆษณาขึ้นครั้งแรก

หลักเกณฑ์ในการพิจารณางานลิขสิทธิ์

  1. เป็นงานที่แสดงออกถึงความคิด (expression of idea)
  2. เป็นงานที่ริเริ่มสร้างสรรค์ด้วยตนเอง (originality)
  3. การทุ่มเทกำลัง ความรู้ ความสามารถ ความตั้งใจวิริยะอุตสาหะในการสร้างสรรค์ (sweat & labour and judement)
  4. มีลักษณะเข้าข่ายตามประเภทของงานที่กฎหมายลิขสิทธิ์รับรอง
  5. เป็นงานที่ไม่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมอันดี

สิ่งที่ยื่นแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ไม่ได้

  1. ความคิด  ขั้นตอน  กรรมวิธี  ระบบ วิธีใช้หรือวิธีทำงาน แนวความคิด หลักการ การค้นพบ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์
  2. ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่างๆที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร
  3. รัฐธรรมนูญและกฎหมาย
  4. ระเบียบ  ข้อบังคับ  ประกาศ  คำสั่ง  คำชี้แจง  และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง  ทบวง  กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือท้องถิ่น
  5. คำพิพากษา  คำสั่ง  คำวินิจฉัย  และรายงานทางราชการ
  6. คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่างๆ ตามข้อ  2-5  ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานใดของรัฐหรือของท้องถิ่นที่จัดทำขึ้น

เอกสารสำหรับจดลิขสิทธิ์

  1. แบบคําขอแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ (ลข.01)   Downlaod > แบบฟอร์มคำขอแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ (ลข.01) (moc.go.th)
  2. ผลงานสร้างสรรค์ที่ต้องการจดลิขสิทธิ์
  3. สําเนาบัตรประชาชน เจ้าของผลงาน 
  4. สําเนาบัตรประชาชนผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน (ถ้ามีผู้ร่วมสร้างสรรค์)
  5. หนังสือมอบอำนาจ (ในกรณีจดในนามบริษัท หรือใช้ตัวแทน)

ระยะเวลาการดำเนินการ

หลังจากจดแจ้งลิขสิทธิ์ หรือยื่นจดแจ้งกับนายทะเบียนเพื่อพิจารณาอนุมัติ ใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์

จดลิขสิทธิ์ที่ไหนได้บ้าง ?

การจดลิขสิทธิ์สามารถจดได้ 2 รูปแบบ คือ

  1. ยื่นจดลิขสิทธิ์ด้วยตัวเอง ซึ่งสามารถยื่นขอจดลิขสิทธิ์ได้ที่ส่วนบริหารงานจดทะเบียน (ชั้น 3) สำนักสิทธิบัตร กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ หรือที่พาณิชย์จังหวัด และสามารถยื่นจดลิขสิทธิ์แบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ https://copyright.ipthailand.go.th/
  2. ใช้บริการยื่นจดลิขสิทธิ์กับผู้ให้บริการอย่าง IDG ผู้ให้บริการบริการด้านลิขสิทธิ์แบบครบวงจร ตั้งแต่ให้คำปรึกษา ร่างสัญญาด้านทรัพย์สินทางปัญญา และอำนวยความสะดวกด้วยบริการยื่นจดแจ้งลิขสิทธิ์

การจดลิขสิทธิ์ เสียค่าอะไรบ้าง ?

ปัจจุบันไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจดลิขสิทธิ์

ในการยื่นจดลิขสิทธิ์ ผู้ยื่นควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ศึกษาขั้นตอนให้ละเอียด และติดตามผลหลังจากยื่นจด เพื่อให้การจดลิขสิทธิ์สำเร็จลุล่วง หรืออีกแนวทางหนึ่ง คือ เลือกใช้บริการยื่นจดลิขสิทธิ์กับทาง IDG ที่พร้อมอำนวยความสะดวกในการยื่นจดลิขสิทธิ์ และมีบริการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาพื่อประโยชน์ของเจ้าของลิขสิทธิ์ ไม่ให้ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ได้

เพิ่มเติม

  • คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับกฎหมายลิขสิทธิ์และงานชนิดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ได้ที่นี่ หรือที่นี่
  • เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องเข้าใจและรับทราบว่ากฎหมายลิขสิทธิ์คุ้มครองเฉพาะการแสดงออกของความคิดเท่านั้น แต่ไม่ใช่ความคิดหรือไอเดียในตัวของมันเอง ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ใดนำเอาส่วนใดส่วนหนึ่งของวรรณกรรมของคุณไปใช้และเขียนเผยแพร่ความคิดของคุณด้วยประโยคของเขาเอง โดยไม่ทำให้คุณเสื่อมเสียหรือสูญเสียรายได้ นั่นก็อาจไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ อีกทั้งหากผู้ใดผู้หนึ่งสร้างงานสร้างสรรค์คล้ายคลึงเหมือนกับงานของคุณ แต่ได้แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าเขาได้ใช้ความคิดของตนเองในการสร้างงาน ไม่ได้ไปเอามาจากที่อื่นใด ลักษณะนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของคุณเช่นกัน
  • ดังนั้น ก่อนที่คุณจะฟ้องผู้ที่อาจละเมิดลิขสิทธิ์ คุณควรมีหลักฐานการเป็นเจ้าของสิทธิอย่างชัดเจน ประกอบกับคำยืนยันจากทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญแล้วเท่านั้น คุณจึงสามารถฟ้องหรือคัดค้านผู้ที่ละเมิดงานของคุณได้อย่างมั่นใจ ไม่เสี่ยงถูกฟ้องกลับ
  • อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณต้องการได้รับการคุ้มครองไอเดียของคุณ คุณควรยื่นจดเป็นสิทธิบัตร แต่ก็ต้องทำการสำรวจก่อนว่าไอเดียของคุณนั้นเข้าเกณฑ์ข้อใด ซึ่งสามารถพิจารณาได้จากหัวข้อ การยื่นจดสิทธิบัตร นอกเหนือจากนี้หากคุณต้องการใช้งานออกแบบกราฟิก รูปถ่าย หรือภาพวาดใดๆ เพื่อการยื่นจดเป็นโลโก้บริษัทหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ คุณควรตรวจสอบข้อมูลในหัวข้อ การจดเครื่องหมายการค้า
Facebook
Twitter
LinkedIn
รู้จัก ลิขสิทธิ์ (Copyright)

ลิขสิทธิ์ไม่จำเป็นต้องยื่นเพื่อจดทะเบียนเหมือนกับสิทธิบัตรหรือเครื่องหมายการค้า แต่ก็สมควรยิ่งที่เจ้าของลิขสิทธิ์ยื่นจดอย่างเป็นทางการกับสำนักงานของกรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะหากคุณมีแผนที่จะใช้งานลิขสิทธิ์ในทางการค้า เจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิที่จะกีดกันผู้อื่นจากการคัดลอก การจำหน่าย การแสดง การเผยแพร่ภาพ หรือการใช้เนื้อหามาดัดแปลง หรือใช้ค้าขายในรูปแบบต่างๆ โดยไม่ได้รับการยินยอมจากเจ้าของสิทธิ งานที่มีลิขสิทธิ์ในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณควรเรียนรู้เพื่อการปกป้องและใช้สิทธิของคุณได้อย่างเต็มที่

ลิขสิทธิ์ คืออะไร ?

สิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ริเริ่มโดยการใช้สติปัญญาความรู้ ความสามารถ และความวิริยะอุตสาหะของตนเองในการสร้างสรรค์ โดยไม่ลอกเลียนงานของผู้อื่น โดยงานที่สร้างสรรค์ต้องเป็นงานตามประเภทต่างๆ ที่กฎหมายลิขสิทธิ์ให้คุ้มครอง โดยผู้สร้างสรรค์จะได้รับความคุ้มครองทันทีที่สร้างสรรค์โดยไม่ต้องจดทะเบียน ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์จะมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใดๆ เกี่ยวกับงาน ลิขสิทธิ์ของตนโดยกฎหมายลิขสิทธิ์ได้ให้ความคุ้มครองถึงสิทธิของนักแสดง และสร้างสรรค์ด้านเทคโนโลยี เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วย

ลิขสิทธิ์ คือ “ทรัพย์สินทางปัญญา” ประเภทหนึ่งที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เจ้าของลิขสิทธิ์จึงควรได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถหาประโยชน์จากงานลิขสิทธิ์ของตนได้

ลิขสิทธิ์ 9 ประเภท มีอะไรบ้าง

โดยทั่วไปแล้ว “งานสร้างสรรค์ที่ผ่านกระบวนการคิด”จะได้รับการคุ้มครองอย่างอัตโนมัติตั้งแต่แรกวันที่เจ้าของได้สร้างสรรค์ขึ้นมา และมีอายุถึง 50 ปีหลังจากเจ้าของลิขสิทธิ์เสียชีวิต หากเป็นงานที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของนิติบุคคล งานลิขสิทธิ์จะได้รับความคุ้มครองสูงสุด 50 ปีหลังจากวันแรกที่ได้ทำการเผยแพร่

ยึดตามมาตรา 4  ในกฎหมายลิขสิทธิ์ของราชอาณาจักรไทย งานที่มีลิขสิทธิ์ประกอบไปด้วย 9 ประเภท

  1. งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ คำปราศรัย รวมทั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Coding, Source Code)ด้วย
  2. งานการแสดง นาฏกรรม เช่น งานเกี่ยวกับการรำ การเต้น การทำท่า หรือการแสดงประกอบขึ้นเป็นเรื่องราว
  3. งานวิจิตรศิลป์ ศิลปกรรม
    • ภาพวาด
    • ประติมากรรม
    • งานพิมพ์
    • งานตกแต่งสถาปัตย์
    • ภาพถ่าย
    • ภาพวาดเขียน แผนที่ ภาพร่าง
    • งานประยุกต์ศิลป์ (งานประยุกตศิลป์ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ 25 ปีหลังจากวันจัดสร้าง)
  4. งานดนตรีกรรม  เช่น คำร้อง ทำนอง การเรียบเรียง เสียงประสาน และโน้ตเพลง
  5. งานสิ่งบันทึกเสียง เช่น เทปเพลง ซีดีเพลง แผ่นเสียง
  6. งานโสตทัศนวัสดุ เช่น วีซีดี วีดิโอเทป แผ่นดิสก์ที่บันทึกข้อมูลภาพและเสียงเอาไว้
  7. งานภาพยนตร์ เช่น ภาพยนตร์ รวมทั้งเสียงประกอบด้วย
  8. งานแพร่เสียงแพร่ภาพ เช่นการแพร่ภาพกระจายเสียง ทางวิทยุ หรือโทรทัศน์
  9. งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ 

ประโยชน์ของลิขสิทธิ์

1. ประโยชน์ต่อเจ้าของลิขสิทธิ์

การคุ้มครองลิขสิทธิ์ย่อมเกิดแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ เนื่องจากเจ้าของลิขสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายและเป็นผู้มีสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นเจ้าของลิขสิทธิ์สามารถทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณะ ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนา หรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้ลิขสิทธิ์ของตนเองได้ โดยที่เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องได้ค่าตอบแทน

2. ประโยชน์ต่อประชาชนและผู้บริโภค

การคุ้มครองลิขสิทธิ์ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนให้กล้าคิดและสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าสู่สาธารณะมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้บริโภคได้บริโภคงานที่มีคุณภาพ

อายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์

โดยทั่วไป การคุ้มครองลิขสิทธิ์เริ่มทันทีหลังจากงานถูกสร้างสรรค์ออกมา และจะมีอายุการคุ้มครองตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์ และคุ้มครองไปอีก 50 ปี นับตั้งแต่ผู้สร้างสรรค์เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม อายุการคุ้มครองอาจแตกต่างออกไปตามประเภทผู้สร้างสรรค์และประเภทผลงาน ดังนี้

  1. กรณีมีผู้สร้างสรรค์งานคนเดียว ลิขสิทธิ์จะอยู่ตลอดอายุขัยและคุ้มครองต่อไปอีก 50 ปีหลังผู้สร้างสรรค์เสียชีวิต
  2. กรณีมีผู้สร้างสรรค์หลายคน ลิขสิทธิ์จะอยู่ตลอดอายุขัยของผู้สร้างสรรค์ และอยู่ต่อไปอีก 50 ปี หลังผู้สร้างสรรค์คนสุดท้ายเสียชีวิต
  3. กรณีผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล ลิขสิทธิ์จะมีอายุ 50 ปี นับตั้งแต่ได้สร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา หรือนับตั้งแต่มีการโฆษณางานนั้นครั้งแรก
  4. กรณีผู้สร้างสรรค์ใช้นามแฝงหรือไม่ปรากฏชื่อ ลิขสิทธิ์จะมีอายุ 50 ปี นับตั้งแต่ได้สร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา
  5. งานภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง หรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพ ลิขสิทธิ์จะมีอายุ 50 ปี นับตั้งแต่ได้สร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา หรือนับตั้งแต่มีการโฆษณาขึ้นครั้งแรก

หลักเกณฑ์ในการพิจารณางานลิขสิทธิ์

  1. เป็นงานที่แสดงออกถึงความคิด (expression of idea)
  2. เป็นงานที่ริเริ่มสร้างสรรค์ด้วยตนเอง (originality)
  3. การทุ่มเทกำลัง ความรู้ ความสามารถ ความตั้งใจวิริยะอุตสาหะในการสร้างสรรค์ (sweat & labour and judement)
  4. มีลักษณะเข้าข่ายตามประเภทของงานที่กฎหมายลิขสิทธิ์รับรอง
  5. เป็นงานที่ไม่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมอันดี

สิ่งที่ยื่นแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ไม่ได้

  1. ความคิด  ขั้นตอน  กรรมวิธี  ระบบ วิธีใช้หรือวิธีทำงาน แนวความคิด หลักการ การค้นพบ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์
  2. ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่างๆที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร
  3. รัฐธรรมนูญและกฎหมาย
  4. ระเบียบ  ข้อบังคับ  ประกาศ  คำสั่ง  คำชี้แจง  และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง  ทบวง  กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือท้องถิ่น
  5. คำพิพากษา  คำสั่ง  คำวินิจฉัย  และรายงานทางราชการ
  6. คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่างๆ ตามข้อ  2-5  ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานใดของรัฐหรือของท้องถิ่นที่จัดทำขึ้น

เอกสารสำหรับจดลิขสิทธิ์

  1. แบบคําขอแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ (ลข.01)   Downlaod > แบบฟอร์มคำขอแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ (ลข.01) (moc.go.th)
  2. ผลงานสร้างสรรค์ที่ต้องการจดลิขสิทธิ์
  3. สําเนาบัตรประชาชน เจ้าของผลงาน 
  4. สําเนาบัตรประชาชนผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน (ถ้ามีผู้ร่วมสร้างสรรค์)
  5. หนังสือมอบอำนาจ (ในกรณีจดในนามบริษัท หรือใช้ตัวแทน)

ระยะเวลาการดำเนินการ

หลังจากจดแจ้งลิขสิทธิ์ หรือยื่นจดแจ้งกับนายทะเบียนเพื่อพิจารณาอนุมัติ ใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์

จดลิขสิทธิ์ที่ไหนได้บ้าง ?

การจดลิขสิทธิ์สามารถจดได้ 2 รูปแบบ คือ

  1. ยื่นจดลิขสิทธิ์ด้วยตัวเอง ซึ่งสามารถยื่นขอจดลิขสิทธิ์ได้ที่ส่วนบริหารงานจดทะเบียน (ชั้น 3) สำนักสิทธิบัตร กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ หรือที่พาณิชย์จังหวัด และสามารถยื่นจดลิขสิทธิ์แบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ https://copyright.ipthailand.go.th/
  2. ใช้บริการยื่นจดลิขสิทธิ์กับผู้ให้บริการอย่าง IDG ผู้ให้บริการบริการด้านลิขสิทธิ์แบบครบวงจร ตั้งแต่ให้คำปรึกษา ร่างสัญญาด้านทรัพย์สินทางปัญญา และอำนวยความสะดวกด้วยบริการยื่นจดแจ้งลิขสิทธิ์

การจดลิขสิทธิ์ เสียค่าอะไรบ้าง ?

ปัจจุบันไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจดลิขสิทธิ์

ในการยื่นจดลิขสิทธิ์ ผู้ยื่นควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ศึกษาขั้นตอนให้ละเอียด และติดตามผลหลังจากยื่นจด เพื่อให้การจดลิขสิทธิ์สำเร็จลุล่วง หรืออีกแนวทางหนึ่ง คือ เลือกใช้บริการยื่นจดลิขสิทธิ์กับทาง IDG ที่พร้อมอำนวยความสะดวกในการยื่นจดลิขสิทธิ์ และมีบริการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาพื่อประโยชน์ของเจ้าของลิขสิทธิ์ ไม่ให้ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ได้

เพิ่มเติม

  • คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับกฎหมายลิขสิทธิ์และงานชนิดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ได้ที่นี่ หรือที่นี่
  • เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องเข้าใจและรับทราบว่ากฎหมายลิขสิทธิ์คุ้มครองเฉพาะการแสดงออกของความคิดเท่านั้น แต่ไม่ใช่ความคิดหรือไอเดียในตัวของมันเอง ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ใดนำเอาส่วนใดส่วนหนึ่งของวรรณกรรมของคุณไปใช้และเขียนเผยแพร่ความคิดของคุณด้วยประโยคของเขาเอง โดยไม่ทำให้คุณเสื่อมเสียหรือสูญเสียรายได้ นั่นก็อาจไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ อีกทั้งหากผู้ใดผู้หนึ่งสร้างงานสร้างสรรค์คล้ายคลึงเหมือนกับงานของคุณ แต่ได้แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่าเขาได้ใช้ความคิดของตนเองในการสร้างงาน ไม่ได้ไปเอามาจากที่อื่นใด ลักษณะนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของคุณเช่นกัน
  • ดังนั้น ก่อนที่คุณจะฟ้องผู้ที่อาจละเมิดลิขสิทธิ์ คุณควรมีหลักฐานการเป็นเจ้าของสิทธิอย่างชัดเจน ประกอบกับคำยืนยันจากทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญแล้วเท่านั้น คุณจึงสามารถฟ้องหรือคัดค้านผู้ที่ละเมิดงานของคุณได้อย่างมั่นใจ ไม่เสี่ยงถูกฟ้องกลับ
  • อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณต้องการได้รับการคุ้มครองไอเดียของคุณ คุณควรยื่นจดเป็นสิทธิบัตร แต่ก็ต้องทำการสำรวจก่อนว่าไอเดียของคุณนั้นเข้าเกณฑ์ข้อใด ซึ่งสามารถพิจารณาได้จากหัวข้อ การยื่นจดสิทธิบัตร นอกเหนือจากนี้หากคุณต้องการใช้งานออกแบบกราฟิก รูปถ่าย หรือภาพวาดใดๆ เพื่อการยื่นจดเป็นโลโก้บริษัทหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ คุณควรตรวจสอบข้อมูลในหัวข้อ การจดเครื่องหมายการค้า

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ IDG

ผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำแนะนำคุณอย่างเต็มที่

ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญ